Page 30 - 23154_Fulltext
P. 30
25
นักการเมืองส่วนใหญ่จะหาเสียงด้วยคุณลักษณะส่วนตัวมากกว่าเหตุผลในเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นได้จริง
พรรคการเมืองบางประเทศยังมีปัญหาในเรื่องระบบอุปถัมภ์ พรรคการเมืองในบางประเทศอยู่ภายใต้กฎหมาย
พรรคการเมืองที่เคร่งครัดจนเกินไปบางประเทศมีข้อจ ากัดที่ท าให้นักการเมืองย้ายพรรคได้ยากมากขึ้น เช่น ใน
ประเทศอินเดียและในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา กระบวนการการท าให้เป็นสถาบันของพรรคการเมือง
ยังคงเกิดอย่างเชื่องช้า และมักจะมีบทบาทในเขตเมืองมากกว่าในพื้นที่ชนบท และถูกครอบง าโดยผู้มีอิทธิพลหรือ
นายทุนทางการเมืองจ านวนไม่มากและขาดประชาธิปไตยในพรรคการเมือง พรรคการเมืองไม่ค่อยมีอิทธิพลภายใน
รัฐสภาเพราะว่าไม่ค่อยได้ท าหน้าที่รวบรวมความต้องการที่แตกต่างกันในสังคมเข้ามาในรัฐสภา
รัฐสภาท าหน้าที่เป็นพื้นที่ให้กับ “ตัวแสดงที่มีอ านาจยับยั้ง” (veto players) ซึ่งในที่นี้ก็คือกลุ่มทหารซึ่ง
ประสบความส าเร็จในประเทศไทยและในฟิลิปปินส์ซึ่งทหารมักจะแสดงออกถึงอ านาจของตัวเองเมื่อพวกเขารู้สึก
ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการทางนโยบายหรือเมื่อผลประโยชน์ของเขาถูกคุกคาม ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
รัฐสภามีบทบาทมากขึ้นในการก าหนดนโยบาย แต่บทบาทนี้มีความแตกต่างไปในประเทศต่างๆโดยในอินโดนีเซีย
และฟิลิปปินส์รัฐสภามีบทบาทมากกว่าเกาหลีใต้ อินเดียและไทย
ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยสมาชิกในรัฐสภาท าหน้าที่ในกระบวนการนิติบัญญัติได้ดีกว่าภายใต้ระบอบ
อ านาจนิยมที่จะมีเพียงการรับรองกฎหมายที่ออกมาในแต่ละฉบับเท่านั้น ระบอบการปกครองที่เปลี่ยนแปลงไป
เป็นประชาธิปไตยและท าให้ประเทศอินโดนีเซียฟิลิปปินส์เกาหลีใต้และประเทศไทยซึ่งเป็นกรณีศึกษาในหนังสือ
เล่มนี้มีความครอบคลุมคนในสังคมต่างๆมากขึ้น กระบวนการคัดเลือกผู้น ามีความโปร่งใสมากขึ้น ผู้ที่มีทรัพยากร
เพื่อให้ประสบความส าเร็จในการเลือกตั้งมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นแม้ว่าจะเป็นฝ่าย
ตรงข้ามรัฐบาลก็ตาม ระบบเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากการโกงการเลือกตั้งและการแทรกแซงการเลือกตั้งความ
อ่อนแอของพรรคการเมืองการรวมศูนย์อ านาจการตัดสินใจในสภาผู้แทนราษฎรการเมืองแบบไม่เป็นทางการระบบ
อุปถัมภ์
รัฐสภาในทุกประเทศยกเว้นอินเดียเป็นรัฐสภาที่ถูกครอบง าโดยชนชั้นน าในขณะที่คนยากจนทั้งในเมือง
และชนบทไม่มีตัวแทนของตนในรัฐสภาประเทศอินเดียมีระบบที่ให้โควตากับวรรณะวรรณะและชนเผ่าบางชนเผ่า
ประเทศอินเดียมีการปฏิรูปที่เรียกว่า ruralization of parliament ซึ่งเป็นการปฏิรูปที่ดินให้กับพรรคการเมือง
ที่มาจากอาชีพเกษตรกรและส.ส. ที่มีพื้นเพมาจากพื้นที่ชนบทได้มีบทบาทอย่างมากมายในช่วงสองทศวรรษที่ผ่าน
มาซึ่งได้ท าให้รัฐสภาของอินเดียมีความครอบคลุมในขณะที่ฟิลิปปินส์มีระบบบัญชีรายชื่อที่สงวนไว้ให้กับกลุ่มคน
ชายขอบแต่ในประเทศฟิลิปปินส์ก็มีระบบบัญชีรายชื่อที่ไม่ได้ให้คนใช้ขอบมีบทบาทส าคัญ นอกจากนี้ การมีอยู่ของ
สภาสูงในประเทศไทยสะท้อนถึงการไม่เชื่อมั่นของผู้ปฏิรูปการเมือง หรือในกรณีฟิลิปปินส์ วุฒิสภาถูกตั้งขึ้นเพื่อ
สร้างสมดุลให้กับสิ่งที่นักปฏิรูปเห็นว่าเป็นปัญหาของสภาผู้แทนราษฎรคือการใช้เป็นใหญ่และแสวงหาโอกาส
สมาชิกสภานิติบัญญัติใน 4 ประเทศใช้อ านาจของตัวเองเพื่อที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่เลือกต่อ
ผลประโยชน์ทั้งในทางเศรษฐกิจและในทางการเมืองของตัวเอง ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพของ
รัฐสภาและระบบราชการ