Page 27 - 23154_Fulltext
P. 27

22


               หลากหลายของประชาชน ประกอบกับการที่ต าแหน่งของนายกรัฐมนตรีจ าเป็นต้องท างานในฐานะส่วนหนึ่งของ

               รัฐสภาซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่ใหญ่กว่าตัวสมาชิกสภา จึงท าให้ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของนายกรัฐมนตรี
               ต้องประนีประนอมกับระบบรัฐสภามากกว่าประธานาธิบดีที่ยึดโยงตัวเองเข้ากับเสียงข้างมากที่เลือกตั้งตัว
               ประธานาธิบดีมาโดยตรง

                       ประการที่สี่ ความอดกลั้นที่ฝ่ายบริหารมีต่อฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะว่าประธานาธิบดีมีที่มาของต าแหน่งทาง
               การเมืองแยกกับรัฐสภา ส่งผลให้ความอดกลั้นที่ประธานาธิบดีมีต่อสภานิติบัญญัติมีน้อยหากเทียบกับ

               นายกรัฐมนตรีซึ่งมีที่มาจากการเลือกของรัฐสภา เนื่องจากประธานาธิบดีมีความรับรู้ต่อความเป็นตัวแทนของความ
               เป็นพหุนิยมทางการเมืองที่น้อยกว่า ความจ ากัดของอ านาจที่ฝ่ายบริหารมีในระบบประธานาธิบดีกับระบบรัฐสภา

               จึงมีความอดทนอดกลั้นที่ต่างกันอย่างมีนัยส าคัญ
                       ท้ายที่สุดในประการที่ห้า ระบบประธานาธิบดีเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่นอกกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองเข้า

               มาสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเสียงข้างมากในการเลือกตั้งนั้นมี
               แนวโน้มจะด าเนินการเมืองด้วยแนวทางแบบประชานิยมและต่อต้านสถาบันการเมืองอย่างพรรคการเมือง

                       ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์เชิงอ านาจในเชิงเปรียบเทียบระหว่างระบบรัฐสภามีต่อประธานาธิบดี
               เปรียบเทียบกับที่ระบบรัฐสภามีต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยมี 5 ปัจจัยข้างต้น น ามาสู่ข้อถกเถียง

               ส าคัญในทางวิชาการของ Linz ว่า ระบอบประธานาธิบดีมีแนวโน้มที่จะรักษาเสถียรภาพของประชาธิปไตยให้
               ยั่งยืนได้น้อยกว่าระบอบรัฐสภา เนื่องจากรูปแบบการต่อรองอ านาจที่มีจุดอ่อน-ข้อได้เปรียบในการประนีประนอม
               ทางอ านาจที่แตกต่างกัน

                       ต่อมาในงาน Linz (1990) ได้มีการน าข้อถกเถียงของนักวิชาการรัฐศาสตร์ Donald L. Horowitz และ

               Seymour M. Lipset ในประเด็นของการเสนอแนวทางในการเปรียบเทียบระบบการปกครองระหว่างระบบรัฐสภา
               กับระบบประธานาธิบดีมาพิจารณากันทั้งภายใต้กรอบคิดเดียวกับ Linz แต่ต่างมุมมอง กับกรอบคิดที่แตกต่างแต่
               เป็นส่วนเสริมให้แก่กรอบคิดของ Linz ส่วนแรกคือข้อถกเถียงที่ Horowitz มีต่อ Linz ในกรอบคิดเดียวกันแต่ต่าง

               มุมมอง 2 ประการดังนี้ ประการแรกคือ บทบาทของสถาบันการเมืองที่มีต่อความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบ
               การเมือง Horowitz น าเสนอความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบประธานาธิบดีโดยใช้ระบบเลือกตั้งเป็นเกณฑ์ โดย

               ชี้ให้เห็นว่าระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีดังกรณีของสหรัฐอเมริกาเป็นแบบ winner-take-all ช่วยให้เกิดความ
               ได้เปรียบต่อผู้น าทางการเมืองในการได้รับเลือกตั้งโดยตรงเข้ามาใช้อ านาจบริหาร ทว่าระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะ
               ส่งผลให้ประธานาธิบดีไม่สามารถท างานร่วมกับสภาได้ เนื่องจากเสียงที่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่ได้สะท้อน

               ความพหุนิยมทางการเมืองของประเทศเช่นเดียวกับความหลากหลายของเสียงที่เลือกตั้งสมาชิกสภา ซึ่งในที่นี้หาก
               จะพิจารณาความสัมพันธ์เชิงอ านาจจึงมิเพียงพิจารณาอ านาจน าของตัวบุคคลที่จะมาผู้น าทางการเมือง หากแต่ยัง

               ต้องพิจารณาความตังมั่นของสถาบันประชาธิปไตยในการควบคุมเสถียรภาพของระบบการเมืองด้วย ซึ่งปัจจัยความ
               ตั้งมั่นของสถาบันประชาธิปไตยนี้เองที่มีผลต่อการจัดความสัมพันธ์เชิงอ านาจของฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร ถัด

               มาประการที่สอง การเปรียบเทียบความแตกต่างของระบบการปกครองนั้นไม่ควรใช้กรณีศึกษาที่เจาะจงเลือกมา
               เพื่อท าให้เกิดภาพแทนที่เกิดความแตกต่างในทางคุณสมบัติมากเกินไป กรณีศึกษาของละตินอเมริกาหรือแอฟริกา

               จึงมีความเสียเปรียบชัดเจนเนื่องจากบริบทของประวัติศาสตร์ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสู่
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32