Page 28 - 23154_Fulltext
P. 28
23
ประชาธิปไตยในห้วงเวลาที่สั้นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบรัฐสภาอังกฤษที่มีการปฏิรูปการเมืองเสริมความตั้งมั่น
ของสถาบันการเมืองมานานกว่า นอกจากนั้นส่วนที่สอง Lipset ยังเสนอข้อถกเถียงที่ต่างกรอบแต่ส่งเสริมกรอบ
ของ Linz ได้ ว่าด้วยปัจจัยของเศรษฐกิจ-สังคมที่ส่งผลต่อสถาบันการเมืองและชะตาของระบอบประชาธิปไตยอีก
ด้วย ดังนั้นในมุมของ Lipset แล้ว การน าสหรัฐอเมริกากับแคนาดามาเปรียบเทียบเรื่องความสัมพันธ์เชิงอ านาจ
ของระบบรัฐสภาจึงไม่ควรละเลยปัจจัยทางเศรษฐกิจ-สังคม รวมถึงบริบทประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์ด้วยเช่นกัน
ข้อถกเถียงโต้แย้งต่อเสถียรภาพของระบอบประธานาธิบดีของ Linz ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอย่าง
กว้างขวางในวงการวิชาการผ่านหลายกรอบคิดที่แตกต่าง ซึ่งหนึ่งในกรอบคิดที่ถูกยกขึ้นมาเพื่อโต้แย้งคือ กรอบคิด
เรื่องการออกแบบรัฐธรรมนูญและการท างานประสานของสถาบัน ที่เสนอโดย Mainwaring and Shugart (1997)
โดยหลักแล้วเป็นข้อถกเถียง 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนแรกคือ ข้อเสนอว่าด้วยจุดแข็งของระบบประธานาธิบดีอัน
เป็นผลจากการออกแบบรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งที่เป็นตัวแทนของประชาชนโดยตรง
ละมีอิสระในการรับผิดชอบต่อประชาชนด้วยการท าตามนโยบายที่ประชาชนต้องการ นอกจากนั้นในทางกลับกัน
สภาคองเกรสเองก็มีอิสระในการต่อรองภายในสภาเพื่อด าเนินกระบวนการนิติบัญญัติได้โดยอิสระจาก
ประธานาธิบดี และเป็นการหลีกเลี่ยงทางตันของการถกเถียงในกระบวนการนิติบัญญัติจากการถูกขัดขวางจากฝ่าย
บริหารซึ่งเป็นตัวแทนมติของพรรคเสียงข้างมากได้ด้วยเช่นกัน และส่วนที่สอง ข้อพึงระวังในระบบรัฐสภา
เนื่องจากถ้าหากว่า ประเทศใดใช้ระบบรัฐสภาในสภาวะที่พรรคการเมืองอยู่ในสภาวะไร้ระเบียบ จะยิ่งส่งผลให้
ระบบรัฐสภาอยู่ในสภาวะไม่สามารถปกครองได้และไร้เสถียรภาพทางการเมือง เช่นนี้แล้ว Mainwaring และ
Shugart จึงได้มีข้อเสนอเพื่อเป็นการเตือนไว้ว่า การออกแบบรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองให้มีกลไกท างานได้
ราบรื่นจึงมีความส าคัญไม่ว่าจะระบบประธานาธิบดีหรือระบบรัฐสภา และจะน าไปสู่การต่อรองทางการเมืองที่
ยังคงรักษาเสถียรภาพของระบอบการเมืองไว้ได้
โดยท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างระบบประธานาธิบดีและระบบรัฐสภาจึงเกิดขึ้นได้ภายใต้
กรอบคิดที่หลากหลาย และน ามาสู่ความแตกต่างในการสรุปผลต่อข้อได้เปรียบจากความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่
เกิดขึ้นในทั้งสองระบบการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นกรอบการวิเคราะห์ผ่านระบบเลือกตั้ง กรอบของสถาบันการเมือง
ตลอดจนกรอบของการออกแบบรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตาม จุดร่วมของกรอบคิดแต่ละแบบล้วนวิเคราะห์บน
ฐานของการต่อรองอ านาจผ่านสถาบันการเมืองในลักษณะที่เป็นระบบหยุดนิ่ง ทว่ายังต้องเสริมในเรื่องของบริบท
ทางประวัติศาสตร์อย่างเรื่องของพัฒนาทางการเมืองของระบบการเมืองที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย
และน ามาสู่ความตั้งมั่นของระบบรัฐสภาหรือจะเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบอ านาจนิยมที่รัฐสภาถูกละเมิดด้วยความเป็น
อ านาจนิยมที่ส่งต่อผ่านการสืบทอดอ านาจอย่างเป็นระบบผ่านสถาบันการเมืองก็ได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วบทต่อไปจึง
เป็นการส ารวจเจาะจงยังความสัมพันธ์เชิงอ านาจในระบบรัฐสภา โดยให้ความส าคัญทั้งบริบทของพัฒนาการทาง
ประวัติศาสตร์ ควบคู่กับบริบทของเนื้อหาในรัฐธรรมนูญอันเป็นสถาบันการเมืองที่รับรองกลไกการจัดสรร
ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาอย่างมีความชอบธรรมทางการเมือง
2.3.2 ส ารวจวรรณกรรมว่าด้วยระบบรัฐสภาไทย