Page 29 - 23154_Fulltext
P. 29
24
งานศึกษาภาษาอังกฤษ
การศึกษาเรื่องระบบรัฐสภาของไทยในวงวิชาการสากลนั้นมีงานศึกษาอยู่อย่างจ ากัด ไม่ว่าจะเป็นด้วย
เหตุผลเรื่องพัฒนาการทางการเมืองของไทย หรือรัฐสภานั้นไม่ได้เป็นสถาบันการเมืองที่มีความส าคัญในทาง
การเมืองการปกครองก็ตาม ถึงกระนั้น ก็ยังมีงานศึกษาเรื่องระบบรัฐสภาไทยในทางสากลอยู่จ านวนหนึ่ง ตัวอย่าง
งานภาษาอังกฤษชิ้นแรกๆ ที่ศึกษาเรื่องระบบรัฐสภาของไทย คือ Morell (1974) ซึ่งศึกษาบทบาทของรัฐสภา
และปฏิสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ในช่วงปี ค.ศ. 1968 – 1971 ในยุคจอมพลถนอม กิตติขจร
หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 ในงานชิ้นนี้พบว่า รัฐสภาไม่ใช่สถาบันการเมืองที่มีอ านาจอย่างมี
นัยส าคัญในการเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้จากบริบททางการเมืองของไทยในเวลานั้นที่เพิ่งมีการ “แปลงร่าง”
ระบอบเผด็จการทหาร มาสู่ระบอบอ านาจนิยมที่มีการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ข้อค้นพบที่น่าสนใจจากงานศึกษานี้
คือ การเติบโตขึ้นของกลุ่มพลังนอกระบบราชการซึ่งเป็นสิ่งที่จ าเป็นส าหรับการจัดการปกครองที่มีประสิทธิภาพ
และ Morell ก็เสนอว่าจ าเป็นต้องมีการสร้างระบบการเมืองในวิถีทางที่จะรับมือกับความท้าทายในอนาคตอย่างมี
ประสิทธิภาพ
ตัวอย่างงานชิ้นต่อมา เป็นงานศึกษารัฐสภาเปรียบเทียบ Rüland et al. (2005) ท าการศึกษารัฐสภาใน
5 ประเทศคือ อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย โดยมีแนวคิด 4 แนวคิดหลักได้แก่ สถาบัน
นิยมใหม่ (neo-institutionalism), ระบบรัฐสภากับระบบประธานาธิบดี (parliamentarianism vs
presidentialism), ประชาธิปไตยเสียงข้างมากกับประชาธิปไตยแบบฉันทามติ (majoritarian versus consensus
democracy), และ ทฤษฎีการเปลี่ยนผ่าน (transition theory) งานชิ้นนี้ได้วิเคราะห์บทบาทของรัฐสภาใน
กระบวนการตัดสินตกลงใจทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบของรัฐ กระบวนการท าให้เป็นประชาธิปไตย
และการสร้างความตั้งมั่นในระบอบประชาธิปไตย
การศึกษากระบวนการนิติบัญญัติเป็นประโยชน์ในการท าความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เนื่องจากกระบวนการนิติบัญญัติเป็นทั้งสาเหตุและผลของกระบวนการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งมีความ
สอดคล้องกับคนอื่นๆ ของระบบการเมือง เช่น การเลือกตั้ง ระบบเลือกตั้ง กระบวนการทางรัฐธรรมนูญ และ
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาและประชาสังคม แต่ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวแสดงทางการเมืองที่เกิดขึ้น
โดยกระบวนการนิติบัญญัติจะเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า และมีข้อจ ากัด อีกทั้งยังคลุมเครือไม่ชัดเจน และยังอาจจะ
ปรับเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ด้วย
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ในเรื่อง “การเมืองการเลือกตั้ง” (electoral politics) ซึ่งแม้ว่า
“จักรกลการเมือง” (political machine) ยังจะเป็นแต้มต่อของการใช้ความรุนแรงในการเลือกตั้งและการโกงการ
เลือกตั้งลดน้อยลงซึ่งส่วนหนึ่งของความส าเร็จดังกล่าวมาจากการท างานของภาคประชาสังคม หน่วยงานเฝ้า
ตรวจสอบ และการท างานอย่างแข็งขันของสื่อ ที่ท าให้พรรคการเมืองต่างๆ สามารถโกงการเลือกตั้งหรือซื้อเสียงได้
ยากมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเกาหลีใต้ ในส่วนของประเทศไทยการบริหารการเลือกตั้งโดย
คณะกรรมการการเลือกตั้งท าให้การเลือกตั้งมีความยุติธรรมมากขึ้น