Page 26 - 23154_Fulltext
P. 26

21


                       วรเจตน์ ภาคีรัตน์ (2564: 369-375) อธิบายว่าลักษณะส าคัญของการปกครองในระบบรัฐสภามี 5

               ประการ ได้แก่

                       1) หัวหน้ารัฐบาล (นายกรัฐมนตรี) ได้รับเลือกและแต่งตั้งจากรัฐสภา (สภาผู้แทนราษฎร) หรือประมุขของ
               รัฐแต่งตั้งตามมติของรัฐสภา (สภาผู้แทนราษฎร)


                       2) คณะรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินด้วยความไว้วางใจของรัฐสภา (สภาผู้แทนราษฎร)

                       3) นายกรัฐมนตรีและประมุขของรัฐสามารถใช้อ านาจร่วมกันยุบสภาผู้แทนราษฎรได้


                       4) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีโดยทั่วไปจะยังคงมีสถานะเป็น
               สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ยกเว้นบางประเทศที่ห้ามด ารงต าแหน่งสองต าแหน่งนี้ไปพร้อมกัน


                       5) ยอมรับให้มีฝ่ายค้านตรวจสอบการท างานของคณะรัฐมนตรีได้

               2.4 ทบทวนวรรณกรรม

                       การศึกษาเรื่องระบบรัฐสภาในทางการเมืองเปรียบเทียบ

                       ในทางการเมืองเปรียบเทียบ หากต้องการจะท าการเปรียบเทียบข้ามระบบการปกครองระหว่างระบบ

               รัฐสภากับระบบประธานาธิบดี ตัวอย่างงานชิ้นส าคัญคือ Linz (1985) ที่ศึกษาเปรียบเทียบระบบการเมืองระหว่าง
               ระบบประธานาธิบดีกับระบบรัฐสภา เพื่อส ารวจว่าระบบการเมืองแบบใดจะสามารถส่งเสริมความตั้งมั่นของ
               ระบอบประชาธิปไตยได้ดียิ่งกว่า โดย Linz ใช้กรอบการวิเคราะห์เชิงสถาบัน มีระบบการเมืองเป็นแกนส าคัญของ

               การศึกษา น ามาสู่ข้อเสนอ 5 ประการส าคัญ ดังต่อไปนี้
                       ประการแรก ความเป็นอิสระของฝ่ายบริหารจากรัฐสภา เนื่องจากรัฐธรรมนูญจะก าหนดระยะเลาการ

               ด ารงต าแหน่งที่ชัดเจนและสามารถด าเนินกระบวนการถอดถอนจากต าแหน่ง (impeachment) ได้ด้วยเงื่อนไขที่
               ซับซ้อน ในขณะที่การถอดถอนนายกรัฐมนตรีสามารถกระท าได้ง่ายกว่าผ่านกระบวนการของรัฐสภา ส่งผลให้ความ

               เป็นอิสระในการด ารงต าแหน่งของนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภามีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง
               มากกว่าระบบประธานาธิบดีที่มีหลักประกันความมั่นคงในอ านาจจนครบวระด ารงต าแหน่ง

                       ประการที่สอง ระบบประธานาธิบดีมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความแน่นอนของระยะเวลาการด ารง
               ต าแหน่ง ระยะเวลาการอยู่ในอ านาจหลังจากชนะการเลือกตั้งเป็นหลักประกันถึงความมั่นคงทางการเมืองจากการ
               ต่อรองให้พ้นจากต าแหน่งโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งในทางกลับกัน กรณีเช่นนี้ถือเป็นความได้เปรียบของระบบรัฐสภา

               ที่เน้นความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่มีต่อนายกรัฐมนตรีในการอยู่ในอ านาจอย่างยืดหยุ่นตอบสนองกับสถานการณ์
               ทางการเมืองในแต่ละห้วงเวลาได้เช่นกัน

                       ประการที่สาม ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่ประธานาธิบดีมีต่อสภานิติบัญญัติมีลักษณะเป็นแบบ winner
               takes all หรือก็คือสะท้อนความต้องการลักษณะผู้น าทางการเมืองตามที่เสียงส่วนมากต้องการ หากแต่ไม่ได้มี

               ความเป็นประชาธิปไตยที่จะสะท้อนความพหุนิยมทางการเมืองจากเสียงข้างน้อยเทียบเท่ากับนายกรัฐมนตรีที่มา
               จากการต่อรองทางการเมืองของหลากพรรคการเมืองในรัฐสภาที่แยกเป็นหลายกลุ่มตัวแทนสะท้อนเสียงอัน
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31