Page 214 - 23154_Fulltext
P. 214
209
หลังจากนั้น คสช. ประกาศโรดแมปที่สอง เป็นสูตร 6-4-6-4 = 20 เดือน เพื่อด าเนินตามกระบวน ร่าง
รัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 6 เดือน ท าประชามติ ท ากฎหมายลูก และจัดให้มีการเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่กันยายน พ.ศ.
2558 และสิ้นสุดมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 และในช่วง 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ก็ได้มีการตั้ง กมธ.
ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ที่ได้มีชัยเป็นประธาน และเมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็ได้มีการลงประชามติในวันที่ 7
สิงหาคม พ.ศ. 2559 ท่ามกลางกระแสของการต่อต้านจากนักกิจกรรมทางการเมือง และการที่รัฐใช้อ านาจคุกคาม
นักกิจกรรมทางการเมืองเหล่านั้น ทว่าร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ก็ยังคงผ่านประชามติในที่สุด (บัณฑิต จันทร์โร
จนกิจ, 2563: 251-254; ประชาไท, 2558; ไอลอว์, 2559)
อย่างไรก็ตาม คสช. มองว่ากระบวนการจัดเลือกตั้งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ไม่สามารถจัดได้ทันกรอบ
เวลา จึงน ามาสู่โรดแมปที่สาม เพื่อให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ผ่านประชามติ และจัดการ
เลือกตั้งทันเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 แต่ทว่าด้วยปัจจัยภายนอก ทั้งพิธีบรมศพจากเหตุการณ์สวรรคตของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้อประสานงานจากส านักพระราชวังขอหารือแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญหมวด
พระมหากษัตริย์ (ประชาไท, 2560; ผู้จัดการออนไลน์, 2560) ส่งผลให้รัฐบาลต้องปรับแผนล่าช้าออกไปเป็นโรด
แมปที่สี่ แม้ว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 แล้ว แต่การจัดเลือกตั้งเร็วที่สุดที่นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ได้
กล่าวสัญญาไว้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกาไว้ก็คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 (ประชาชาติธุรกิจ
, 2560) ไม่นานจากนั้นก็การประกาศกฎหมายลูกตามมา อาทิ พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.
2560 เป็นต้น ทว่าการเลือกตั้งก็ยังไม่สามารถจัดขึ้นได้จนต้องขยายเป็นโรดแมปที่ห้า เพื่อรองรับการออกกฎหมาย
ลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ครบถ้วน พร้อมแต่งตั้ง กกต. ชุดใหม่ที่น าโดยอิทธิพร บุญประครอง และในที่สุดแล้ว
วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 ก็ประกาศให้มีการเลือกตั้งขึ้นราววันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 อันเป็นจุดสิ้นสุดโรด
แมปของ คสช. ในการปฏิรูปการเมืองและร่างรัฐธรรมนูญใหม่อันยาวนานเกือบ 5 ปี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้อง
พิจารณากันในส่วนต่อไปคือ ในเมื่อ คสช. มีบทบาทน าพร้อมอ านาจเต็มในการควบคุมและแต่งตั้งบุคลากรที่
เกี่ยวข้องกับกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในขณะที่กระแสการต่อต้านจากภาคประชาชนเองก็สั่งสมเรื่อยมาจาก
การถกกดทับด้วยอ านาจเบ็ดเสร็จของมาตรา 44 เช่นนี้แล้วรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่เป็นผลผลิตภายใต้การก ากับ
ของ คสช. และองคาพยพภายใต้ คสช. จะมีการวางกลไกก ากับความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาผ่าน
รัฐธรรมนูญไว้อย่างไรบ้าง จะมีแนวทางรับมือพลังต่อต้านขั้วอ านาจ คสช. ไว้อย่างไร จะพิจารณาในล าดับถัดไป
โครงสร้างอ านาจหน้าที่ของรัฐสภา
ค าปรารภของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เริ่มต้นด้วยการให้ความส าคัญกับการปฏิรูปการเมืองจากวิกฤต
รัฐธรรมนูญที่ไม่สามารถหาทางออกในการรับมือกับการทุจริต ให้ความส าคัญแก่รูปแบบมากกว่าหลักการของ
ประชาธิปไตย ซึ่งแนวทางที่คณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ให้เจตนารมณ์ไว้ก็คือ ปฏิรูปเสริมสร้างความเข้มแข็งของ
ระบบคุณธรรมจริยธรรม ภายใต้หลักความปรองดองลดความขัดแย้ง และยังก ากับกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์
แห่งชาติให้ผู้น ารัฐบาลในอนาคตต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม เพื่อส ารวจความเปลี่ยนแปลงเชิง