Page 211 - 23154_Fulltext
P. 211
206
“มาตรา 48 บรรดาการกระท า ทั้งหลายซึ่งได้กระท าเนื่องในการยึดและควบคุมอ านาจการ
ปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ของหัวหน้าและคณะรักษาความสงบแห่งชาติรวมทั้ง
การกระท าของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระท าดังกล่าวหรือของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือ
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือของผู้ซึ่งได้รับค าสั่งจากผู้ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะรักษา
ความสงบแห่งชาติ อันได้กระท าไปเพื่อการดังกล่าวข้างต้นนั้น การกระท าดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็น
การกระท าเพื่อให้มีผลบังคับในทางรัฐธรรมนูญ ในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ
รวมทั้งการลงโทษและการกระท าอันเป็นการบริหารราชการอย่างอื่น ไม่ว่ากระท าในฐานะตัวการ
ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระท า หรือผู้ถูกใช้ให้กระท า และไม่ว่ากระท าในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อนหรือหลังวันที่
กล่าวนั้น หากการกระท านั้นผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระท าพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”
โดยสรุปแล้วเมื่อประเมินความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาภายใต้รัฐบาล คสช. ที่ได้ประกาศใช้
รัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงเป็นการความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่คล้ายกันกับคณะรัฐประหารในอดีต ซึ่งใน
บริบทนี้คือ คสช. ได้วางตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางของการก ากับความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบการเมืองหลัง
รัฐประหาร ส่งผลให้โครงสร้างทางการเมืองต่างอยู่ภายใต้ก ากับของ คสช. ได้แก่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มาจากการแต่งตั้งโดยค าแนะน าของ คสช. ทั้ง 220 คน และ สนช. ก็ได้รับแต่งตั้ง
นายกรัฐมนตรี ต่อด้วยอ านาจของนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งรัฐมนตรีตามล าดับ ถัดมาเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็
ได้รับการเสนอรายชื่อจากคณะกรรมการสรรหาเพื่อให้ คสช. เลือกให้ครบ 250 คน และกลุ่มสุดท้ายจึงเป็น
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ทั้ง 36 คน ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ได้รับการเสนอ
ชื่อจาก คสช. เสนอ และ 20 คนจาก สปช.เสนอ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความ
สงบแห่งชาติ เสนอฝ่ายละ 5 คน นอกจากนั้นอ านาจหน้าที่ของแม่น้ า 5 สายยังเป็นไปเพื่อสนับสนุนอ านาจน าของ
คสช. ที่ต้องการปฏิรูปการเมืองผ่านการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ
กฎหมายอื่นอันเป็นการสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองของ คสช.
สรุป
บริบทประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 นั้นหากมอง
ผ่านกรอบแนวคิดเรื่อง “contentious politics” (หรืออาจแปลได้ว่า การเมืองเรื่องความขัดแย้ง) เสนอโดย
Charles Tilly ซึ่งสรุปแก่นใจความส าคัญของแนวคิดได้ว่า “เป็นปฏิสัมพันธ์อันเกิดจากเหตุแห่งการที่ตัวแสดง
อ้างอิงผลประโยชน์บางประการของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่ริเริ่มอ้างตัวเป็นเจ้าของผลประโยชน์ หรือบุคคลที่สาม
เพื่อที่จะมุ่งเป้าเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาล” (Tilly, 2008: 5) ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ศ. 2550 - 2557 จึง
ประกอบด้วย 2 ปรากฎการณ์หลัก ได้แก่ ปรากฎการณ์แรกคือ ความขัดแย้งระหว่างขบวนการทางสังคมปะทะกับ
รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงของพันธมิตร ฯ ต่อรัฐบาลสมัครหรือสมชายในกรณีขาดคุณสมบัติด ารงต าแหน่ง
นายกรัฐมนตรีตามทัศนะของพันธมิตร ฯ การประท้วงของ นปช. ที่มีต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์จากกรณีการต่อรองทาง