Page 206 - 23154_Fulltext
P. 206
201
จากผลของการก ากับโดยมาตรา 46 ท าให้กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญแทรกแซงด้วยการแก้ไขเพิ่มเติม
ได้โดยมติของคณะรัฐมนตรีและ คสช. (แม้ว่านายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นคนเดียวกันก็ตาม) ที่เสนอต่อ
สนช. เพื่อท าหน้าที่พิจารณาเห็นชอบ
ถัดมาประการที่สามก็คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งเป็นแม่น้ าสายที่ 3 มีจ านวน 250 คนมาจากการ
แต่งตั้งตามค าแนะน าของคณะกรรมการสรรหาบุคคลที่สนอรายชื่อต่อ คสช. เพื่อแต่งตั้งเป็น สปช. โดยมีที่มาและ
อ านาจหน้าที่ตามมาตรา 27 28 30 และ 31 ตามที่บัญญัติไว้ดังนี้
“มาตรา 27 ให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติมีหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้าน
ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
(1) การเมือง
(2) การบริหารราชการแผ่นดิน
(3) กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
(4) การปกครองท้องถิ่น
(5) การศึกษา
(6) เศรษฐกิจ
(7) พลังงาน
(8) สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
(9) สื่อสารมวลชน
(10) สังคม
(11) อื่น ๆ”
“มาตรา 2 8 ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจ านวนไม่เกิน 2 5 0 คนซึ่ง
พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ ากว่า 35 ปี ตามที่คณะรักษา
ความสงบแห่งชาติถวายค าแนะน า
พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติคนหนึ่ง
และเป็นรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติไม่เกินสองคน ตามมติของสภาปฏิรูปแห่งชาติ”
“มาตรา 30 ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติด าเนินการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้ง
เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) จัดให้มีคณะกรรมการสรรหาบุคคลด้านต่าง ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 ด้านละหนึ่งคณะ
และให้มีคณะกรรมการสรรหาประจ าจังหวัดแต่ละจังหวัดเพื่อสรรหาจากบุคคลซึ่งมีภูมิล าเนาในจังหวัดนั้น
(2) ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านจากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมี
ความรู้และประสบการณ์เป็นที่ยอมรับของบุคคลในด้านนั้น ๆ