Page 203 - 23154_Fulltext
P. 203
198
หลังจากที่มีเหตุการณ์รัฐประหารของ คปค. เพื่อยึดอ านาจและน ารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 สามารถ
ยกร่างและผ่านประชามติ มาจนประกาศใช้ได้โดยส าเร็จ เหตุการณ์ส าคัญหลังจากนั้นคือ การเลือกตั้งในวันที่ 23
ธันวาคม พ.ศ. 2550 ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดของชนชั้นน าทางการเมืองก็ยังคงเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ชัยชนะจากการ
เลือกตั้งของพรรคพลังประชาชน หลังจากนั้นจึงเป็นการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างขั้วอ านาจของทักษิณที่ยังคงต่อสู้
ในระบบรัฐสภาผ่านพรรคการเมือง กับพลังรัฐราชการ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม รวมถึงขบวนการทางสังคมอย่างพันธมิตร
ฯ ที่จัดกิจกรรมทางการเมืองนอกสภา ส่งผลให้การต่อต้านพลังทางการเมืองด าเนินไปด้วยกลไกขององค์กรอิสระใน
การถอดถอนผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง หรือยุบพรรคการเมือง เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่ ส.ว. ส่งเรื่องให้ กกต. เพื่อ
ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมัครขาดคุณสมบัติพ้นจากต าแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะด ารงต าแหน่งนิติบุคคลที่
แสวงผลก าไร อีกทั้งนายกรัฐมนตรีคนถัดไปอย่างสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องพ้นจากต าแหน่ง เนื่องจากค าตัดสินของ
ศาลรัฐธรรมนูญให้มีการยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย พร้อมตัดสิทธิ์หัวหน้า
พรรคและกรรมการบริหารทั้งสามพรรคเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดสรรอ านาจใหม่โดยที่สมาชิกพลัง
ประชาชนส่วนมากย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย ขณะที่บางกลุ่มรวมตัวเป็น “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ที่หันไปเข้ากับพรรค
ประชาธิปไตย และในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตกเป็นของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรค
ประชาธิปัตย์ (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 209-218; อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, 2550: 16; ศูนย์ข้อมูลมติชน, 2552:
300, 420)
ทว่าภายหลังการเข้าสู่อ านาจของรัฐบาลยุคอภิสิทธิ์ ก็ได้เกิดขบวนการทางสังคมในชื่อ “แนวร่วม
ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) โดยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา การต่อต้านเริ่มต้น
จากสันติวิธีและตึงเครียดขึ้นเรื่อยมาหลังจากเผชิญหน้ากับมาตรการความมั่นคงของรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อศูนย์
อ านวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ภายใต้ก ากับของรัฐบาล สั่งสลายการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน
พ.ศ. 2553 ท าให้เกิดความรุนแรงและมีผู้ชุมนุมเสียชีวิต โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมได้มีการปะทะกันระหว่าง
กองทัพกับ นปช. ซึ่งกรณีการสลายการชุมนุมวันที่ 10 เมษายน 13-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต
รายงานอย่างเป็นทางการ 94 คน ท่ามกลางการสืบข้อเท็จจริงอีกมากที่ความจริงยังไม่ปรากฎในปัจจุบัน เช่น ชาย
ชุดด า การสังหารพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือการเสียชีวิตของประชาชนจากอาวุธสงครามในอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่
กระจ่าง เป็นต้น (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 228; คริส เบเคอร์ & พงษ์ไพจิตร, 2559: 380; ศูนย์ข้อมูล
ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณีเม.ย.-พ.ค.53, 2555) จนกระทั่งวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.
2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์แถลงยุบสภาและให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ผลการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อไทยภายใต้การน าของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับชัย
ชนะอย่างขาดลอยด้วยจ านวน ส.ส. 265 คน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. เพียง 159 คน โดยภารกิจหลัก
ประการหนึ่งที่รัฐบาลต้องแบกรับคือ แผนปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งส่งผลให้ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม
ผู้กระท าความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง 19 กันยายน พ.ศ. 2549 – 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่ได้มีการ
แก้ไขขอบเขตให้ละเว้นความผิดทุกฝ่ายแบบเหมาเข่ง ส่งลให้เกิดขบวนการประท้วงต่อต้านโดยกลุ่มคณะกรรมการ
ประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข (กปปส.) ที่น าโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ ท าการประท้วงชวนมวลชนปิดกรุงเทพ ฯ จนทางรัฐบาลยิ่ง