Page 205 - 23154_Fulltext
P. 205

200


               แบบเร่งด่วน รวมถึงจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติและองค์กรอื่น เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองและยกร่างรัฐธรรมนูญ

               ฉบับใหม่ หลังจากนั้นระยะที่สามจึงเป็นการส่งต่อภารกิจในรัฐบาลและตัวแทนที่มาจากประชาชนที่จะมาบริหาร
               ประเทศ ทั้งนี้ข้อสังเกตประการหนึ่งต่อการสร้างความชอบธรรมของคณะรัฐประหารในครั้งนี้ก็คือ การยึดโยง
               ตัวเองเข้ากับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังที่เขียนไว้ในทั้งค าปรารภและมาตรา 2

               ของรัฐธรรมนูญ โดยที่มาตรา 2 วรรคสองก็ได้ให้ความส าคัญกับการคงไว้ซึ่งอ านาจตามหมวด 2 ว่าด้วย
               พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ให้คงอยู่ดังเดิม และเพื่อสังเกตและท าความเข้าใจในโครงสร้างทาง

               การเมืองเพื่อปฏิรูปการเมืองในทัศนะของ คสช. จึงจะมีการส ารวจในบทบัญญัติที่เป็นความเปลี่ยนแปลงต่อระบบ
               รัฐสภาใน 5 ประการ ภายใต้ระเบียบการเมืองของแม่น้ า 5 สาย ดังอภิปรายต่อไป

                       ประการแรกคือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งส่วนที่ส าคัญของแม่น้ า 5 สายแห่ง คสช. โดยกลับไป
               เป็นระบบสภาเดี่ยวอีกครั้งตามธรรมเนียมคณะรัฐประหารที่จะให้สภาท าหน้าที่นิติบัญญัติเพียงสภาเดียว มีจ านวน

               สมาชิก 220 คน ซึ่งที่มาของต าแหน่งมาจากการแต่งตั้งยึดโยงกับการคัดเลือกโดย คสช. ตามมาตรา 6 ดังนี้
                              “มาตรา 6 ให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจ านวนไม่เกิน 220 คนซึ่ง

                       พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ ากว่า 40 ปี ตามที่คณะรักษา
                       ความสงบแห่งชาติถวายค าแนะน า

                              ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติท าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา”
                       อ านาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติยังคงมีอ านาจในการเสนอร่างพระราชบัญญัติเข้าสู่การพิจารณา

               ของสภาตามมาตรา 14 ด้วยจ านวนเสียงไม่น้อยกว่า 25 คน หรือเสนอโดยคณะรัฐมนตรี ทว่ามีข้อจ ากัดเพียง
               พระราชบัญญัติทางการเงินที่สงวนเป็นอ านาจของรัฐมนตรี

                       ประการที่สองว่าด้วยแม่น้ าสายที่ 2 คือ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยที่มาของนายกรัฐมนตรีและ
               รัฐมนตรีเป็นไปตามมาตรา 19 ดังนี้

                              “มาตรา 19 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งตามมติของสภานิติบัญญัติ
                       แห่งชาติ และรัฐมนตรีอื่นอีกจ านวนไม่เกิน 35 คน ตามที่นายกรัฐมนตรีถวายค าแนะน า ประกอบเป็น

                       คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ด าเนินการให้มีการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ และส่งเสริมความ
                       สามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ”
                       นอกจากอ านาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว อ านาจหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีสามารถกระท าได้เองโดยตรงอัน

               สัมพันธ์กับภารกิจของ คสช. ก็คือ อ านาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 46 ดังนี้

                              “มาตรา 46 ในกรณีที่เห็นเป็นการจ าเป็นและสมควร คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบ
                       แห่งชาติจะมีมติร่วมกันให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ก็ได้ โดยจัดท าเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเสนอ
                       ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ

                              ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
                       ตามวรรคหนึ่งภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม”
   200   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210