Page 209 - 23154_Fulltext
P. 209

204


                              (3) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งใน

                       ภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งกลไกในการก ากับและควบคุมให้การใช้อ านาจรัฐเป็นไปเพื่อประโยชน์
                       ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน
                              (4) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจสอบมิให้ผู้เคยต้องค าพิพากษาหรือค าสั่งที่ชอบ

                       ด้วยกฎหมายว่ากระท าการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระท าการอันท าให้การเลือกตั้งไม่สุจริต
                       หรือเที่ยงธรรม เข้าด ารงต าแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด

                              (5) กลไกที่มีประสิทธิภาพที่ท าให้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองและ
                       พรรคการเมือง สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือด าเนินกิจกรรมได้โดยอิสระ ปราศจากการครอบง าหรือชี้น าโดย

                       บุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
                              (6) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการสร้างเสริมความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม และการสร้างเสริม

                       คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วนและทุกระดับ
                              (7) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้

                       เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน และป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่
                       อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว

                              (8) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของรัฐให้เป็นไปอย่างคุ้มค่าและตอบสนองต่อ
                       ประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนโดยสอดคล้องกับสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ และกลไกการ

                       ตรวจสอบและเปิดเผยการใช้จ่ายเงินของรัฐที่มีประสิทธิภาพ
                              (9) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมิให้มีการท าลายหลักการส าคัญที่รัฐธรรมนูญจะได้วางไว้

                              (10) กลไกที่จะผลักดันให้มีการปฏิรูปเรื่องส าคัญต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ต่อไป
                              ให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาถึงความจ าเป็นและความคุ้มค่าที่ต้องมีองค์กร

                       ตามรัฐธรรมนูญหรือองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นโดยอาศัยอ านาจตามรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่จ าเป็นต้องมี ให้พิจารณา
                       มาตรการที่จะให้การด าเนินงานขององค์กรดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วย”

                       ทั้งนี้การที่บทบาทร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงไม่ได้ส่งผลให้สิ้นสุดอ านาจหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติหรือ
               คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดทันที หากแต่มาตรา 39 ยังให้ขยายกรอบอ านาจให้ปฏิบัติหน้าที่ร่าง

               กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่จ าเป็นต่อเนื่องไปด้วยจนกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะประกาศใช้
               อย่างเป็นทางการ

                       ในส่วนของแม่น้ า 5 สายที่เป็นส่วนที่เป็นสภาสืบทอดอ านาจของคณะรัฐประหารเพื่อครอบง าการเปลี่ยน
               ผ่านทางการเมืองภายใต้ คสช. เพื่อการนั้นรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ได้มีการบัญญัติให้ คสช. มีอ านาจ

               อย่างเป็นทางการในรัฐธรรมนูญตามมาตรา 42 อันระบุที่มาของต าแหน่งดังนี้
                              “มาตรา 42 ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่

                       6/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไปและมี อ านาจ
                       หน้าที่ปฏิบัติการตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้
   204   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214