Page 212 - 23154_Fulltext
P. 212

207


               อ านาจโดยจับกลุ่มขั้วอ านาจค้านกับเสียงส่วนมากของประชาชน ในทัศนของ นปช. หรือกรณีขบวนการ กปปส. ที่

               มองว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ชอบธรรมจากผลักดันกฎหมายนนิรโทษกรรมอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ  ปรากฎการณ์
               แรกจึงสะท้อนพลังทางสังคมที่กดดันรัฐบาลเพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อรองรับพื้นที่ของเสียงข้างน้อย ต่างกัน
               กับ นปช. ที่เรียกร้องให้ประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งให้ด าเนินต่อไปตามปกติเท่านั้นเอง แต่กลับถูกตอบโต้ด้วย

               ความรุนแรงจนน ามาสู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุม ขณะที่ปรากฎการณ์ที่สองคือ พลังของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กร
               อิสระ ในฐานะตัวแทนของชนชั้นน าเสียงข้างน้อยในการต่อต้านพลังประชาธิปไตยเสียงข้างมากในรัฐบาลด้วย

               อ านาจตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ในแง่หนึ่งแม้ว่าพลังการตรวจสอบและล้มรัฐบาลด้วยศาล
               รัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระจะสามารถท าได้ส าเร็จผ่านการวินิจฉัยล้มรัฐบาลสมัคร สมชาย ตลอดจนยิ่งลักษณ์

               ทว่าพลังเสียงข้างมากที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทยกลับไม่ลดลงเลย เมื่อ
               คณะรัฐประหาร คสช. เข้ามายึดอ านาจรัฐ จึงได้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

               (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เพื่อด าเนินโครงการปฏิรูปการเมืองให้ตอบสนองกับขบวนการทางสังคมที่เรียกร้องการเมือง
               สุจริต และเพื่อวางกลไกที่สนับสนุนการต่อต้านรัฐบาลเสียงข้างมากให้เข้มแข็งสนับสนุนองค์กรอิสระได้มากขึ้น
                       ในส่วนของตัวบทของรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มีเจตนารมณ์ส าคัญที่คณะที่ปรึกษากฎหมายของ

               คสช. ได้พยายามออกแบบเพื่อตอบสนองกลไกปฏิรูปการเมืองเพื่อรับมือกับประชาธิปไตยที่เสียงข้างมากท าให้ชน
               ชั้นน าเสียงข้างน้อยรู้สึกสั่นคลอนและต้องการหลักประกันที่มากกว่าการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่ม

               อ านาจตุลาการภิวัตน์ทางการเมืองหรือองค์กรอิสระที่มีอ านาจในการตรวจสอบ รัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557
               จึงท าหน้าที่ส าคัญในการก าหนดโครงสร้างทางอ านาจที่จะร่วมมือกันออกแบบโครงสร้างทางการเมืองในการปฏิรูป

               การเมืองให้สอดคล้องกับความต้องการของ คสช. ผ่านโครงสร้างแม่น้ า 5 สายที่ คสช. เป็นผู้ควบคุมอ านาจน าใน
               ความสัมพันธ์เชิงอ านาจระหว่างแม่น้ าแต่ละสาย  อันได้แก่ สายแรกคือ สนช. ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ 220 คนจาก

               การแต่งตั้งโดยค าแนะน าของ คสช. มีอ านาจในการเสนอร่างพระราชบัญญัติและกระบวนการนิติบัญญัติในรัฐสภา
               แม่น้ าสายที่สองคือ คณะรัฐมนตรี โดยมีนายกรัฐมนตรีที่เสนอชื่อจาก สนช. และนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งรัฐมนตรีไม่
               เกิน 35 คน เพื่อท าหน้าที่บริหาร สามารถเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง และมีอ านาจเสนอร่าง

               พระราชบัญญัติการเงิน แม่น้ าสายถัดมาเป็น สปช. 250 คนที่มาจากการเสนอรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหายื่นให้
               คสช. เลือก เพื่อท าหน้าที่ศึกษาประเด็นที่ต้องปฏิรูปทั้ง 10 ด้าน แม่น้ าสายที่สี่เป็นคณะกรรมาธิการยกร่าง

               รัฐธรรมนูญ 36 คน จากการแต่งตั้งโดยประธาน สปช. สปช. สนช. คณะรัฐมนตรี และ คสช. เพื่อท าหน้าที่ยกร่าง
               รัฐธรรมนูญเสนอต่อแม่น้ าสายอื่นที่เหลือ โดยแม่น้ าสายที่ห้าคือ คสช. มีอ านาจน าทางการเมืองมากที่สุดใน

               ความสัมพันธ์เชิงอ านาจภายในระบบรัฐสภาของแม่น้ า 5 สาย และยังมีอ านาจเบ็ดเสร็จมาตรา 44 เพื่อออกค าสั่ง
               หรือประกาศได้ทุกประการอย่างชอบธรรม อีกทั้งยังมีมาตรา 47 และ 48 เพื่อรับรองความชอบธรรมของประกาศ

               หรือค าสั่งของ คสช. และท าให้สถานะทางกฎหมายของประกาศหรือค าสั่งอยู่ยืนยงต่อไปภายภาคหน้าแม้ว่าจะมี
               รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้แล้วก็ตาม
                       ท้ายที่สุดแล้ว จากการท าความเข้าใจแม่น้ าทั้ง 5 สายและขอบเขตอ านาจของแต่ละสายที่ก าหนดไว้ใน

               รัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงท าความเข้าใจได้ว่า รัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เป็นเครื่องมือที่
               สะท้อน “ตัวแสดงที่ต้องการร่วมจัดสรรอ านาจภายใต้ คสช.” และ “ประเด็นที่ คสช. ต้องการปฏิรูป” มากกว่าที่
   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217