Page 210 - 23154_Fulltext
P. 210

205


                              ในกรณีจ าเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะ

                       เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมผู้ด ารงต าแหน่งใดในคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็ได้ แต่ในกรณีเพิ่มเติมเมื่อ
                       รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 15 คน และจะก าหนดให้หน่วยงานใดท าหน้าที่เป็นหน่วยธุรการขอคณะรักษา
                       ความสงบแห่งชาติก็ได้ตามที่เห็นสมควร

                              ในกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่าคณะรัฐมนตรีควรด าเนินการตามอ านาจหน้าที่ที่
                       ก าหนดไว้ในมาตรา 19 ในเรื่องใด ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อ

                       ด าเนินการตามอ านาจหน้าที่ต่อไป”
                       นอกจากนั้นแล้ว คสช. ยังครองอ านาจส าคัญที่เป็นธรรมเนียมของคณะรัฐประหารในการถือครองอ านาจ

               เบ็ดเสร็จที่จะใช้ค าสั่ง การกระท า หรือประกาศของหัวหน้า คสช. มีความชอบธรรมผ่านอ านาจมาตรา 44 ดังนี้
                              “มาตรา 44 ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจ าเป็นเพื่อประโยชน์ใน

                       การปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อ
                       ป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระท าอันเป็นการบ่อนท าลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของ

                       ชาติราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอก
                       ราชอาณาจักรให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

                       มีอ านาจสั่งการระงับยับยั้ง หรือกระท าการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระท านั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ
                       ในทางบริหารหรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าค าสั่งหรือการกระท า รวมทั้งการปฏิบัติตามค าสั่งดังกล่าว
                       เป็นค าสั่งหรือการกระท า หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้

                       ด าเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว”

                       ไม่เพียงแต่อ านาจเบ็ดเสร็จของคณะรัฐประหารเท่านั้น แต่ยังมีอ านาจส าคัญตามมาตรา 47 และ 48 ที่
               เป็นพลวัตในการวางข้อกฎหมายเพื่อลบล้างความผิดทั้งปวงของประกาศ ค าสั่ง หรือการกระท าใดของ คสช. หรือผู้
               ที่ได้รับค าสั่งจาก คสช.  ให้พ้นความรับผิดทางกฎหมาย รวมถึงมีบทบัญญัติให้ประกาศหรือค าสั่งเหล่านั้นมีผล

               บังคับใช้ต่อไปได้แม้ว่าไม่ว่าจะก่อนหรือหลังรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ก็ตาม ส่งผลให้แม้ว่าจะสิ้นสุดวาระการ
               ครองอ านาจของ คสช. ไปแล้ว แต่ค าสั่งหรือประกาศเหล่านั้นก็จะยังบังคับใช้โดยมีผลทางกฎหมาย และมี

               ความชอบธรรมทางกฎหมายโดยถาวรอีกด้วย ดังพิจารณาได้ตามบทบัญญัติต่อไปนี้
                              “มาตรา 47 บรรดาประกาศและค าสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือค าสั่งของหัวหน้า

                       คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
                       จนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทาง

                       รัฐธรรมนูญ ในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้ประกาศหรือค าสั่ง ตลอดจนการ
                       ปฏิบัติตามประกาศหรือค าสั่งนั้น ไม่ว่าจะกระท าก่อนหรือหลังวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ เป็นประกาศ
                       หรือค าสั่งหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด และให้ประกาศหรือ

                       ค าสั่งดังกล่าวที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมี
                       กฎหมาย กฎ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือค าสั่ง แล้วแต่กรณี แก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก”
   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215