Page 198 - 23154_Fulltext
P. 198

193


                       ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งด ารงต าแหน่ง

                       ไม่ต่ ากว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมายจ านวนหนึ่งคนและตุลาการในศาล
                       ปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจ านวน 1 คนเป็นกรรมการ ท า
                       หน้าที่สรรหาบุคคลตามมาตรา 114 ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจาก

                       คณะกรรมการการเลือกตั้ง แล้วแจ้งผลการสรรหาให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลผู้ได้รับการสรร
                       หาเป็นสมาชิกวุฒิสภา”

                              “มาตรา 114 ให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาด าเนินการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม
                       จากผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรต่างๆ ในภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพและภาคอื่นที่

                       เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการตามอ านาจหน้าที่ของวุฒิสภาเป็นสมาชิกวุฒิสภาเท่าจ านวนที่จะพึงมี
                       ตามที่ก าหนดในมาตรา 111 วรรคหนึ่ง”

                       กล่าวโดยสรุปในส่วนของที่มาของวุฒิสภาได้ว่า จากเดิมวุฒิสภาในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาจากการ
               เลือกตั้ง 200 คน ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ดังมาตราในข้างต้นได้ปรับเปลี่ยนจ านวนเป็น 150 คน และที่มา

               ให้มาจากสัดส่วนแบ่งกันระหว่าง ส.ว. จากการเลือกตั้ง 77 คน โดยให้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน
               ตามมาตรา 112  และให้มี ส.ว. จากการแต่งตั้งจากคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา 113 ให้ได้

               จ านวนรวมทั้งหมดหักลบด้วยจ านวนวุฒิสมาชิกจากการเลือกตั้ง ซึ่งก็คือจ านวน 73 คน
                       ในส่วนของขอบเขตอ านาจของวุฒิสภา ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่วุฒิสภามีต่อสภาผู้แทนราษฎรในการ
               ประชุมร่วมยังคงมีขอบเขตใกล้เคียงกับของเดิมในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 หากแต่ความเปลี่ยนแปลงในส่วนของ

               วุฒิสภาจากการแต่งตั้งนั้นจะสามารถเข้ามาเป็นตัวแทนของพลังจากระบบราชการหรือเทคโนแครตในการร่วม
               ตรวจสอบหรือต้านทานในกระบวนการนิติบัญญัติประชุมร่วมกันระหว่างทั้งสองสภา รวมถึงตัวแทนจากการแต่งตั้ง

               ก็ยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมรับรองรายชื่อผู้ที่จะมาด ารงต าแหน่งในองค์กรอิสระหลังจากที่คณะกรรมการสรรหา
               ได้เสนอรายชื่อไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ กกต. (มาตรา 231) ผู้ตรวจการแผ่นดิน (มาตรา 424) ป.ป.ช. (มาตรา

               246) หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (มาตรา 252) เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว วุฒิสภายังครองอ านาจส าคัญใน
               การถอดถอนผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง หรือสมาชิกองค์กรอิสระได้ตามมาตรา 270 และ 271 ดังนี้

                              “มาตรา 270 ผู้ด ารงต าแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎสมาชิกวุฒิสภา
                       ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุดผู้ใดมีพฤติการณ์
                       ร่ ารวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระท าผิดต่อต าแหน่งหน้าที่ราชการส่อว่ากระท าผิดต่อ

                       ต าแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อ านาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
                       หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง วุฒิสภามีอ านาจถอดถอนผู้นั้นออกจาก

                       ต าแหน่งได้”
                              “มาตรา 271 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ านวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจ านวนสมาชิกทั้งหมด

                       เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา
                       274 ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา 270 ออกจากต าแหน่งได้ ค าร้องขอดังกล่าวต้องระบุพฤติการณ์ที่

                       กล่าวหาว่าผู้ด ารงต าแหน่งดังกล่าวกระท าความผิดเป็นข้อๆ ให้ชัดเจน
   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203