Page 195 - 23154_Fulltext
P. 195
190
เป็นฝ่ายกุมอ านาจรัฐ เพราะฉะนั้นการที่ตัวแทนจากการสรรหามีน้อยลงเท่าไหร่ ก็จะไม่มีกลุ่มที่จะสร้างสมดุล
อ านาจที่เป็นกลางทางการเมืองในวุฒิสภา ขณะที่ฝ่ายของสมคิด เลิศไพฑูรย์ เสนอให้เป็นควรมีจุดยึดโยงกับ
ประชาชนจากการเลือกตั้งตามที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ผลจึงปรากฎเป็นสัดส่วนวุฒิสภา 150 คน ให้
มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้ง (รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 30/2550 เป็นพิเศษ, 22 มิถุนายน
2550; ธนาพล อิ๋วสกุล, 2558: 197-198)
อย่างไรก็ตาม กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนความชอบธรรมและความ
สมเหตุสมผลของกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับมีฝ่ายที่วิจารณ์ถกเถียงต่อกระบวนการดังกล่าว ฝั่งผู้
ที่พยายามอธิบายปกป้องถึงความชอบธรรมของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 สามารถท าความเข้าใจได้
จากในงานของ สมคิด เลิศไพฑูรย์ (2563) ที่ให้ความส าคัญกับการอธิบายถึงความชอบธรรมของคณะรัฐประหารที่
สามารถเป็นเผด็จการที่ดีซึ่งจะสามารถน าพาไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้ด้วยกระบวนการจัดท ารัฐธรรมนูญให้
เร็วที่สุดพร้อมจัดให้มีการเลือกตั้ง งานของสมคิดจึงเป็นความพยายามที่จะใช้กรอบคิดเชิงนิติศาสตร์ในการมองว่า
กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ถือว่ามีความชอบธรรมจากการที่มีตัวบทรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549
ก าหนดบทบัญญัติว่าด้วยองค์กรจัดท ารัฐธรรมนูญไว้ชัดเจน อาทิ สมัชชาแห่งชาติ สภาร่างรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญก็มีกรอบในการรับฟังความคิดเห็นของ
12 องค์กรตามมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 และมีการรับฟังความคิดเห็นกรรมาธิการวิสามัญ
และกลุ่มทางสังคม (อย่างไรก็ตาม เป็นการรับฟังที่ครอบคลุมแต่ไม่ได้อธิบายถึงความเข้าใจต่อข้อเรียกลงร้องเชิงลึก
ของแต่ละกลุ่มหรือภาพรวมแต่อย่างใด) แล้วจึงมีการลงประชามติเห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 หรือ
กล่าวอย่างกระชับว่าในกรอบของนักนิติศาสตร์ดังกรณีของสมคิดจะมองว่ารัฐธรรมนูญมีความชอบธรรมผ่านความ
ครบถ้วนตามกระบวนการทางกฎหมายเป็นหลัก อย่างไรก็ตามกรณีของสมคิดก็ถือได้เช่นกันว่าเป็นงานที่เขียนโดย
ผู้ที่มีส่วนได้หรือเสียผลประโยชน์โดยตรงจากการที่เคยด ารงต าแหน่งเลขานุการสภาร่างรัฐธรรมนูญ ชุด พ.ศ. 2549
จึงไม่เกิดข้อวิจารณ์ต่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2549
ในชณะที่ข้อวิจารณ์จากรังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2549 ที่ได้อภิปรายทางวิชาการในหัวข้อ
“รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2549 กับการปฏิรูปการเมือง” ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เสนอ
ว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ผ่านบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 วางอยู่บนพื้นฐาน
ปัญหาส าคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่ครอบง าโดย คปค. และเมื่อ คปค. เป็น
ผู้ครอบง ากระบวนการตั้งแต่การแต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ สภา ฯ นั้นก็ย่อมด าเนินกระบวนการเพื่อตอบสนอง
ผลประโยชน์สูงสุดของ คปค. ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งพวกเขาเป็นปัจจัยหลัก ขณะที่ประการที่สองคือ การปฏิรูปการเมือง
ไม่ประสบความส าเร็จ เพราะการมีส่วนร่วมมากเกินไปของ คมช. และการมีส่วนร่วมน้อยเกินไปของประชาชน ท า
ให้ย้อนกลับมาค าถามส าคัญคือ การปฏิรูปมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร และเมื่อไม่สามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ของสังคม การปฏิรูปก็ย่อมไม่เป็นผลส าเร็จ และประการที่สามโจทย์การร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรจ าเป็นต้องพึ่งพา
จิตวิญญาณประชาธิปไตยที่เข้มแข็งจากประชาชนที่เป็นผู้ก าหนดขึ้นในฐานะผู้ใช้อ านาจอธิปไตย และจิตวิญญาณ
ของชนชั้นน าที่จะเคารพกติการัฐธรรมนูญ โจทย์การร่างรัฐธรรมนูญต้องเกิดจากการมีจิตวิญญาณร่วมกันข้างต้น
เสียก่อน ทั้งสามข้อจึงจะน ามาสู่กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปการเมืองในทางที่ถูกต้อง ซึ่งนี่ก็คือข้อ