Page 196 - 23154_Fulltext
P. 196
191
วิจารณ์การก าหนดกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 ในทัศนะของรังสรรค์ (ประชาไท
, 2549)
สอดคล้องกับข้อสังเกตของ ไอลอว์ (2558a) ที่ได้ตั้งสังเกตถึงกระบวนการยกร่างของคณะกรรมาธิการยก
ร่างรัฐธรรมนูญเปรียบเทียบ 3 สมัย ได้แก่ คณะกรรมาธิการยกร่างชุด พ.ศ. 2539 คณะกรรมาธิการยกร่างชุด พ.ศ.
2549 และคณะกรรมาธิการยกร่างชุด พ.ศ. 2558 โดยเมื่อเปรียบเทียบเบื้องต้นใน 2 ชุด ระหว่าง ชุด พ.ศ 2539
กับ ชุด พ.ศ. 2549 พบความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญใน 2 ประการหลัก ได้แก่ ประการแรกคือ ความเปลี่ยนแปลง
สัดส่วนของคณะกรรมาธิการ โดยที่คณะกรรมาธิการยกร่างชุด พ.ศ. 2539 มี 21 คน เป็นสัดส่วนของนักการเมือง
และนักวิชาการมากที่สุดคือ 8 คน รองลงมาจึงเป็นทนายความ อัยการ และสื่อมวลชน โดยที่สัดส่วนของ
นักการเมืองนั้นคัดมาจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับในสังคม ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างชุด พ.ศ. 2549 ให้
สัดส่วนมากที่สุดแก่ข้าราชการระดับสูง (11 คน) รองลงมาคือ นักวิชาการ (8 คน) และอดีตผู้พิพากษา (5 คน) โดย
มีสัดส่วนนักการเมืองเพียง 1 คน และกลุ่มอื่นสัดส่วนละ 1-2 คน ประกอบกับข้อสังเกตต่อที่มาของ
คณะกรรมาธิการยกร่างชุด พ.ศ. 2549 มาจากการเลือกกันเองของสภาร่างรัฐธรรมนูญ 25 คน และบังคับสัดส่วน
จาก คมช. ถึง 10 คน ส่งผลให้บางคนได้เป็นกรรมาธิการต่อเนื่อง 2 สมัย เช่น สมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นต้น ซึ่งไอลอว์
วิจารณ์ว่าการเลือกตัวแทนในแบบรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 ส่งผลให้เกิดทัศนคติที่อ านวยต่อการตุลาการภิ
วัตน์ หรือก็คือเป็นการเปิดทางให้ตุลาการเข้ามาครอบง าการเมืองโดยอาศัยอ านาจจากรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นแล้วเพื่อวิเคราะห์ต่อไปว่าข้อสนับสนุนหรือข้อวิจารณ์ข้างต้นมีความสมเหตุสมผลในการอธิบาย
ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่เปลี่ยนแปลงไปในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพียงใด ล าดับต่อไปจึงจะเป็นการส ารวจต่อไป
ในตัวบทของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพื่อพิจารณาระบบรัฐสภาและความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป
โครงสร้างอ านาจหน้าที่ของรัฐสภา
ตัวบทของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เริ่มต้นจากค าปรารภที่เป็นการให้ความส าคัญกับความส าเร็จของสภา
ร่างรัฐธรรมนูญคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ด าเนินกระบวนการภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549
รวมถึงการร่วมแสดงความคิดเห็นของประชาชนในการน ามาเป็นข้อพิจารณาในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อ
วัตถุประสงค์ส าคัญคือ การจัดดุลยภาพของกลไกสถาบันการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร รวมทั้งสถาบันศาล
และองค์กรอิสระอื่นให้เป็นปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งกลไกองค์กรอิสระและตุลาการได้รับการ
ขยายขอบเขตอ านาจในความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่มีต่อระบบรัฐสภาอีกด้วย โดยกลไกของรัฐสภาได้มีความ
เปลี่ยนแปลง 5 ประการส าคัญดังต่อไปนี้
ประการแรกว่าด้วยต้นด้วยส่วนส าคัญของระบบรัฐสภาคู่ ก็คือ สภาผู้แทนราษฎร มีวาระคราวละ 4 ปี
และด้วยผลของมาตรา 93 ได้จ ากัดสมาชิกลงเหลือ 480 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของสมาชิกจากการเลือกตั้งแบบแบ่ง
เขต 400 คน และสมาชิกจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนจ านวน 80 คน ซึ่งลดลงมา 20 คนจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.
2540 ที่เดิมมี 100 คน โดยที่ตัวแทนแบบสัดส่วนจะเปลี่ยนแปลงเป็นการแบ่งกลุ่มตามมาตรา 96 ดังนี้