Page 218 - 23154_Fulltext
P. 218
213
(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน
(6) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(7) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
(8) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
(9) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง
(10) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ”
นอกจากนั้นอ านาจที่แทรกแซงบทบาทนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎรได้แล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่สาม
วุฒิสภายังได้รับการขยายขอบเขตอ านาจให้ความเห็นชอบแต่งตั้งตัวแสดงที่รับบทบาทตรวจสอบทางการเมือง ทั้ง
ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ โดยหากวุฒิสภาตอบรับด้วยการไม่เห็นชอบ ทางกรรมการสรรหาต้องเลือก
สมาชิกคนใหม่มาแทนที่บุคคลที่ไม่ผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภา ได้แก่
1) มาตรา 204 ว่าด้วยการแสดงความเห็นชอบรายชื่อศาลรัฐธรรมนูญ
2) มาตรา 222 อ านาจวุฒิสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง กกต. ทั้ง 7 คนตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ
3) มาตรา 228 ว่าด้วยอ านาจวุฒิสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 คนตามที่
คณะกรรมการสรรหาเสนอ
4) มาตรา 232 ว่าด้วยอ านาจวุฒิสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง ป.ป.ช. 9 คนตามที่คณะกรรมการสรรหา
เสนอ
5) มาตรา 238 ว่าด้วยอ านาจวุฒิสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 7 คนตามที่
คณะกรรมการสรรหาเสนอ
จากนั้นความเปลี่ยนแปลงที่สี่ ซึ่งมีความส าคัญในระดับรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดนั้น อ านาจการ
แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้สร้างพันธนาการอันใหญ่หลวงโดยผูกไว้กับอ านาจของวุฒิสภา มาตรา 256 ดังนี้
“มาตรา 256 ภายใต้บังคับมาตรา 255 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระท าได้ตาม
หลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
(1) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ านวนไม่
น้อยกว่า1 ใน 5 ของจ านวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจ านวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจ านวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสอง
สภาหรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจ านวนไม่น้อยกว่า 50,000 คนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อ
เสนอกฎหมาย
(๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาและให้รัฐสภา
พิจารณาเป็น 3 วาระ
(3) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดย
เปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนสมาชิก