Page 189 - 23154_Fulltext
P. 189
184
การเมืองเพื่อต่อรองอาจท าให้ ส.ส. ต้องเสียต าแหน่งเสียเอง ส่งผลให้เกิดการควบคุมพฤติกรรมแสวงผลประโยชน์
สูงสุดอันขัดกับระเบียบพรรคการเมือง นอกจากนั้นส่วนที่สอง วุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งนั้นแม้ว่าจะไม่มีอ านาจ
ร่วมเสนอร่างพระราชบัญญัติ หากแต่ยังคงมีอ านาจร่วมประชุมรัฐสภาในประเด็นส าคัญระดับชาติ และมีส่วนส าคัญ
ในการร่วมพิจารณารายชื่อผู้ที่จะมาด ารงต าแหน่งสมาชิกองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ วุฒิสภาไม่ได้มี
ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยวิธีการดังในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 หรือ พ.ศ. 2521 ใน
อดีต หากแต่จะเป็นการตรวจสอบถ่วงดุลในทางอ้อมผ่านการตรวจสอบร่างพะราชบัญญัติและอ านาจพิจารณา
แต่งตั้งองค์กรอิสระ ถัดมาส่วนของคณะรัฐมนตรี มีการปรับให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. ในสภา ส่งผลให้ภายใต้
ระเบียบพรรคเข้มแข็งนี้ พรรคที่มีนักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีความเป็นผู้น าและมีวิสัยทัศน์จะสามารถมา
เป็นนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่จ าเป็นต้องเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่ครอบง ามุ้งการเมืองมากมาย หากแต่เป็นผู้น า
พรรคที่มีอุดมการณ์สอดคล้องกับเสียงส่วนมากของสังคมได้เช่นกัน ผิดกับในช่วงเปรมาธิปไตยที่เป็นนายกรัฐมนตรี
ภายใต้การครอบง าของพลังระบบราชการที่ไม่สัมพันธ์ใดกับความต้องการของประชาชน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ท า
ให้นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในการต่อรองกับรัฐสภามากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นส่วนที่สี่ ว่าด้วยอ านาจตรวจสอบ
ขององค์กรอิสระที่ไม่ได้มีอ านาจในการให้คุณหรือโทษอาญาโดยตรง หากแต่มีอ านาจที่จะตรวจสอบในประเด็น
ส าคัญ โดยเฉพาะ กกต. ที่สามารถตรวจสอบเหตุทุจริตการเลือกตั้งเพื่อให้มีการจัดเลือกตั้งหรือประชามติใหม่ หรือ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติซึ่งมีอ านาจหน้าที่ในการตรวจสอบพฤติการณ์ร่ ารวย
ผิดปกติของนักการเมือง เพื่อให้ศาลฎีกาแผนกผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองทราบและวินิจฉัยต่อไป และนอกนั้น
ส่วนสุดท้ายคือ ศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับการวางโครงสร้างให้มีความเป็นสถาบันตุลาการมากยิ่งขึ้น และที่มายัง
สัมพันธ์กับองค์กรตุลาการมากยิ่งขึ้น โดยมีวุฒิสภารับหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อและรับรองจากที่ศาลปกครอง ศาล
ฎีกา หรือคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสนอมา
โดยสรุปแล้ว ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 จึงเปลี่ยนรูปแบบไป
จากฉบับก่อน ๆ ในอดีตที่เป็นการช่วงชิงอ านาจน าระหว่างสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี หรือสภา
จ าแลงของกองทัพ มาสู่ความสัมพันธ์ที่สภาผู้แทนราษฎรมีอ านาจเสนอกฎหมายและมีอ านาจเต็มที่ในกระบวนการ
นิติบัญญัติภายใต้ระเบียบพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ขณะที่วุฒิสภารับบทบาทเชิงรับในการพิจารณากฎหมาย และ
ท าหน้าที่รับรองการแต่งตั้งองค์กรอิสระเพื่อการถ่วงดุลตรวจสอบสภาผู้แทนราษฎรที่มีอ านาจเพิ่มขึ้นในรัฐธรรมนูญ
ฉบับนี้ ตลอดจนองค์กรอิสระที่รับบทบาทตรวจสอบสภาผู้แทนราษฎรที่สามารถท าหน้าที่ได้เต็มที่ภายใต้ข้อจ ากัด
การตรวจสอบที่จะคอยจับตาพฤติกรรมการแสวงผลประโยชน์ส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากทรัพยากรของรัฐ ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรีเองก็มีความยึดโยงกับประชาชนในแง่ที่สามารถขอจัดท าประชามติเพื่อสะท้อนเสียงของประชาชนใน
การใช้เป็นการต่อรองทางการเมืองให้รัฐสภารับฟังเสียงของประชาชนได้เช่นกัน