Page 187 - 23154_Fulltext
P. 187
182
ประเด็นดังกล่าวสัมพันธ์กับผลประโยชน์สาธารณะของประชาชน มาตรา 214 ในข้างต้นจึงส่งเสริมความเป็น
ประชาธิปไตยอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีสามารถจัดประชามติเพื่อขอสอบถามเจตจ านงร่วมของประชาชนที่มีต่อ
ประเด็นดังกล่าวดังที่ในอดีตเคยมีกระแสเรียกร้องแทบทุกภาคส่วนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคะแนนเสียงที่
แสดงผ่านการท าประชามติก็จะช่วยสะท้อนให้สภาผู้แทนราษฎรได้รับฟังเสียงเหล่านั้นอันส่งผลต่อการคลายแรง
กดดันในรัฐสภาที่มีต่อรัฐมนตรีให้สามารถผลักดันประเด็นที่ประชาชนมีเจตจ านงร่วมเห็นพ้องกับประเด็นดังกล่าว
ส่วนสุดท้ายประการที่ห้าคือ ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่เปลี่ยนแปลงไปของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีแนวโน้ม
เป็นอิสระจากระบบรัฐสภาและมีความยึดโยงกับผู้เชี่ยวชาญในทางวิชาชีพตุลาการมากยิ่งขึ้น และขยายวาระด ารง
ตามมาตรา259 ให้ด ารงต าแหน่งเป็น 9 ปีและได้เพียงวาระเดียว ในขณะที่ความเปลี่ยนแปลงด้านที่มาของต าแหน่ง
สามารถสังเกตได้จากมาตรา 255 ว่าด้วยที่มาของศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 15 คน ดังนี้
“มาตรา 255 ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาล
รัฐธรรมนูญคนอื่นอีก 14 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามค าแนะน าของวุฒิสภาจากบุคคล
ดังต่อไปนี้
(1) ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งด ารงต าแหน่งไม่ต่ ากว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่
ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ จ านวน 5 คน
(2) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดโดยวิธี
ลงคะแนนลับ จ านวน 2 คน
(3) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ซึ่งได้รับเลือกตามมาตรา 257 จ านวน 5 คน
(4) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ ซึ่งได้รับเลือกตามมาตรา 257 จ านวน 3 คน
ให้ผู้ได้รับเลือกตามวรรคหนึ่งประชุมเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้วจ้ง
ผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ”
จากมาตราว่าด้วยที่มาของการคัดเลือกศาลรัฐธรรมนูญจึงเกิดขอสังเกตโดยสรุปใน 2 ประการ ได้แก่
ประการแรกคือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มีความพยายามในการท าให้ศาลรัฐธรรมนูญมีความเป็นสถาบันที่จะไม่ได้
เป็นเพียงต าแหน่งส าหรับบุคคลกลุ่มหนึ่งมาท าหน้าที่ตีความตามรัฐธรรมนูญ หากแต่มีโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน มี
กระบวนการสรรหาที่ซับซ้อนและมีส่วนร่วมจากภาคส่วนตุลาการ นิติศาสตร์ หรือด้านที่เกี่ยวข้องโดยตรง และยัง
ขยายขอบเขตวาระให้สามารถท างานได้ต่อเนื่องรองรับความผันผวนทางการเมืองในระยะเวลา 9 ปี ซึ่งแต่ละข้อ
ที่กล่วมาจะช่วยให้เกิดสถาบันตุลาการที่ตั้งมั่นขึ้นด้วยตัวเองต่อไปได้ นอกจากนั้นประการที่สองคือ ศาลรัฐธรรมนูญ
ภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มีเจตนารมณ์ที่จะแยกพลังการตรวจสอบถ่วงดุลออกจากอิทธิพลทางการเมืองของ
ระบบรัฐสภาที่สามารถแทรกแซงการแต่งตั้งตุลาการได้ โดยมีการวางบทบบัญญัติให้ที่มาของตุลาการยึดโยงกับผู้มี
ความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ทางตุลาการ นิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์โดยตรง เป็นความพยายามท าให้
การเมืองบริสุทธิ์ในแง่หนึ่ง แต่ก็ท าให้พลังของการตรวจสอบจากองค์กรอิสระแยกขาดกับความยึดโยงกับประชาชน
มากขึ้นเรื่อย ๆ หากสังเกตจากห้วงเวลาประวัติศาสตร์การเมืองในเวลาต่อมาเช่นกัน