Page 163 - 23154_Fulltext
P. 163

158


               การด ารงต าแหน่งของวุฒิสภามีข้อจ ากัดที่น้อยกว่า อาทิ ตามมาตรา 97 สภาผู้แทนราษฎรต้องไม่ด ารงต าแหน่ง

               หรือรับผลประโยชนหรือรับสัมปทานจากหน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ขณะที่วุฒิสภาไม่มีข้อบังคับในประเด็น
               เหล่านี้ เป็นต้น
                       ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาอ านาจในการตรากฎหมาย จากมาตรา 125 พบว่าอ านาจเสนอร่างพระราชบัญญัติ

               ยังคงผูกมัดอยู่กับคณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทว่าในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพิ่มเติม
               กลไกความยึดโยงกับระเบียบของพรรคการเมืองยิ่งขึ้นดังนี้

                              “มาตรา 125 ร่างพระราชบัญญัติจะเสนอได้ก็แต่โดยคณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
                       แต่ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีค ารับรองของ

                       นายกรัฐมนตรี
                              การเสนอร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะกระท าได้เมื่อพรรคการเมืองที่

                       สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่านนั้นสังกัดมีมติให้น าเสนอได้ และต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค
                       การเมืองนั้นไม่น้อยกว่า 20 คนรับรอง”

                       การที่ให้บทบัญญัติให้อ านาจหน้าที่แก่สภาผู้แทนราษฎรในการท าหน้าที่เสนอกฎหมาย ทว่าสิ่งที่เพิ่มเติม
               ขึ้นมาก็คือ การให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ภายใต้การควบคุมของระเบียบพรรคการเมือง ดังที่สังเกตได้จาก

               วรรคสองของมาตรา 125 ข้างต้น กรณีนี้สามารถพิจารณาได้ทั้งความมีเสถียรภาพที่มากขึ้นและความเป็นสถาบัน
               ของพรรคที่สามารถก าหนดแนวทางให้สมาชิกปฏิบัติตาม โดยแลกกับหลักการตัดสินใจโดยอิสระของสมาชิกพรรค

               นอกจากนั้นยังมีกฎหมายในลักษณะดังเช่น มาตรา 103 (7) ที่ก าหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลาออกจาก
               พรรคที่ตนเป็นสมาชิก หรือสมาชิกพรรคที่ตนเป็นสมาชิกลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุม

               ร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคการเมืองที่สังกัดพรรคดังกล่าวให้พ้นจากการเป็นสมาชิก
               พรรค ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวขาดจากสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่ลาออกหรือพรรคมี
               มติให้พ้นจากพรรค เป็นต้น กรณีทั้งมาตรา 125 หรือ 103 (7) จึงสะท้อนถึงความเข้มแข็งของวินัยพรรคใน

               รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 อันส่งผลต่อพฤติกรรมปัจเจกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ลดความเป็นอิสระในการ
               ตัดสินใจลงคะแนนในประเด็นต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับทิศทางที่พรรคการเมืองต้องการแทน

                       ในขณะเดียวกัน วุฒิสภาสามารถใช้อ านาจยับยั้งร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอมาอย่างน้อย
               2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกเป็นการยับยั้งพระราชบัญญัติตตามมาตรา 127 และ 128 (2) และ 128 (3) เป็นการให้

               อ านาจหน้าที่วุฒิสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติได้ภายใน 60 วัน หรือถ้าเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเงิน
               ให้พิจารณาภายใน 30 วัน หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบต่อร่างพระราชบัญญัติก็สามารถยับยั้งร่างกฎหมายและส่งคืนไป

               ยังสภาผู้แทนราษฎรก่อนได้ไม่ว่าจะเป็นการส่งคืนตามเดิมหรือส่งคืนแบบแก้ไขเพิ่มเติมโดยวุฒิสภาแล้ว จึงจะเป็น
               ขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมโดยทั้งสองสภาจากผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาใดสภาหนึ่ง หากทั้งสองเห็นชอบ
               ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงจะด าเนินการล าดับต่อไป แต่หากสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบก็จะยับยั้งร่าง

               พระราชบัญญัติไว้ก่อน เว้นแต่เป็นพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเงินให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถน ามาพิจารณาใหม่
               ได้ทันทีตามมาตรา 129 วรรคสอง  นอกจากนั้นวุฒิสภาสามารถยับยั้งร่างพระราชบัญญัติในครั้งที่สองได้ด้วยการ

               ใช้อ านาจตามมาตรา 130 วรรคสอง เพื่อส่งเรื่องให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
   158   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168