Page 160 - 23154_Fulltext
P. 160
155
พระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเสนอ และวินิจฉัยประเด็นทางรัฐธรรมนูญ ขณะที่อ านาจของนายกรัฐมนตรีที่มา
จากการเลือกของสภานโยบายแห่งชาตินั้นกลับมาขึ้นหลังจากได้รับการผูกขาดอ านาจในการเสนอร่าง
พระราชบัญญัติทุกชนิดต่อสภา และยังคงมีอ านาจเบ็ดเสร็จในมาตรา 27 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งระบบรัฐสภา
และนายกรัฐมนตรี ต่างก็อยู่ภายใต้การก ากับของคณะปฏิวัติอีกล าดับ เนื่องจากมีการออกแบบโครงสร้างทาง
การเมืองไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอ านาจของคณะปฏิวัติผ่านต าแหน่งของสภานโยบายแห่งชาติ เมื่อเป็นเช่นนี้
แล้วผลประโยชน์ทางการเมืองและการแสวงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากระบบราชการจึงผูกขาดภายใต้กองทัพ
สรุป
หลังจากมีการรัฐประหารยึดอ านาจและเปลี่ยนผ่านสู่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 รัฐบาลของธานินทร์มีความ
แข็งกร้าวต่อทั้งภาคประชาชน ระบบราชการ ตลอดจนกองทัพ เมื่อประกอบกับปัจจัยการช่วงชิงอ านาจน าภายใน
กองทัพซึ่งขั้วอ านาจของสงัดต้องการรักษาอ านาจไว้ จึงส่งผลต่อเนื่องมาสู่การรัฐประหารซ้ าโดยคณะปฏิวัติของ
สงัด และด้วยบริบททางการเมืองที่คณะปฏิวัติต้องการกระชับเวลาและสงวนอ านาจให้กองทัพได้ผูกขาดอ านาจ
และสร้างหลักประกันผลประโยชน์ที่จะได้ให้มีความแน่นอนยิ่งขึ้น จึงน ามาสู่การประกาศใช้ธรรมนูญการปกครอง
พ.ศ. 2520 ที่เป็นการย้อนกลับไปหาอ านาจเบ็ดเสร็จของรัฐธรรมนูญยุครัฐบาลเผด็จการสฤษดิ์อันเป็นธรรมนูญการ
ปกครองขนาดสั้นและชั่วคราวเพื่อรองรับช่องว่างระหว่างเตรียมการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมื่อพิจารณาตัวบทของธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520 สิ่งแรกที่เปลี่ยนแปลงไปคือ ค าปรารภที่สะท้อน
ถึงการยึดอ านาจเพื่อเตรียมการเปลี่ยนผ่านในระยะเวลาสั้นมากกว่าที่จะเป็นแบบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519
ก าหนดให้มีความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางการเมืองแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ใช้เวลา 12 ปีเพื่อเตรียมการเปลี่ยน
ผ่านทางการเมืองสู่ระบอบประชาธิปไตยในแบบที่ชนชั้นน าทางการเมืองต้องการ ทั้งนี้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิด
ขึ้นกับความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบรัฐสภา สามารถพิจารณาได้ 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก
ระบบรัฐสภาที่อยู่ในแบบของสภาเดี่ยวจ านวน 300 คนไม่เกิน 400 คน มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด โดยที่อ านาจนิติ
บัญญัติจ ากัดขอบเขตลงจนไม่สามารถท าหน้าที่เสนอร่างพระราชบัญญัติได้เลย แต่ยังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
และมีอ านาจวินิจฉัยประเด็นเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ขณะที่ประการที่สอง นายกรัฐมนตรีได้รับการขยายขอบเขต
อ านาจการเสนอพระราชบัญญัติได้เพียงฝ่ายเดียว และยังคงมีอ านาจเบ็ดเสร็จในด้านความมั่นคงอย่างมาตรา 27 ที่
ท าให้ออกค าสั่งได้อย่างชอบธรรมภายใต้ความเห็นชอบจากสภานโยบายแห่งชาติ ซึ่งน ามาสู่ประการที่สุดท้าย คณะ
ปฏิวัติได้ฝากฝังกลไกสภากองทัพจ าแลงในรูปของสภานโยบายแห่งชาติอันมีที่มาตามมาตรา 17 ให้แต่งตั้งสมาชิก
มาจากคณะปฏิวัติโดยตรง โดยมีอาจหน้าที่ทับซ้อนในเชิงก ากับการท างานของฝ่ายบริหารอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้
เอง ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520 จึงเป็นการให้อ านาจคณะปฏิวัติครอบง าระบบรัฐสภาตั้งแต่การแต่งตั้ง
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีอ านาจเลือกนายกรัฐมนตรีอันมาจากการต่อรองทางการเมืองของกองทัพ คอย
ก ากับทิศทางนโยบาย ตลอดจนครอบง าการท างานของระบบรัฐสภาผ่านต าแหน่งสภานโยบายแห่งชาติในที่สุด