Page 155 - 23154_Fulltext
P. 155

150


                       ด้วยเหตุนี้ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 จึงสังเกตได้ว่าเป็นการน าเอาอ านาจของคณะปฏิรูปการปกครอง

               แผ่นดินมาเป็นอ านาจน าครอบง ากลไกของระบบรัฐสภาอย่างมีนัยส าคัญ ตั้งแต่ฝ่ายนิติบัญญัติที่ยุบรวมเหลือสภา
               เดี่ยวและมาจากการแต่งตั้ง  ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินสามารถก ากับต่อรองเพื่อน าเอา
               คนที่คัดสรรมาด ารงต าแหน่งสภานิติบัญญัติได้ นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาได้ว่า อ านาจของนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น

               เป็นพิเศษ ทั้งสามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติการเงิน และสามารถใช้อ านาจเบ็ดเสร็จของมาตรา 21 ขณะที่
               อ านาจวินิจฉัยรัฐธรรมนูญเองก็ถูกริบเอามาจากคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมาสู่ฝ่ายนิติบัญญัติที่อยู่ภายใต้อิทธิพล

               คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน



                       สรุป

                       ภายใต้บริบทความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงระหว่างขั้วอ านาจอนุรักษ์นิยมกับขบวนการทางสังคม

               นักศึกษาและแรงงานที่เอนเอียงไปทางสนับสนุนหลักสังคมนิยม ส่งผลให้ฝ่ายความมั่นคงอาศัยกระแสต่อต้าน
               แนวคิดคอมมิวนิสต์มาเป็นประเด็นการปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังขบวนการนักศึกษา และก่อให้เกิดการเปิด
               ฉากเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงโดยรัฐและมวลชนที่รัฐครอบง าทางความคิด ปรากฎผ่านเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่

               6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง รวมทั้งการรัฐประหารยึดอ านาจของคณะปฏิรูป
               การปกครองแผ่นดินในวันเดียวกัน บริบทของการร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 จึงอยู่ภายใต้การใช้

               ความเกลียดชังและความรุนแรงในการผลักไสขบวนการนักศึกษา ขบวนการแรงงาน และปัญญาชนให้เป็นฝ่าย
               คอมมิวนิสต์ เพื่อสร้างสถานการณ์แบบการเมืองแบ่งขั้วอุดมการณ์ขาว-ด า อันน ามาสู่การรวมศูนย์อ านาจสู่ฝ่าย

               บริหารเพื่อรักษาความมั่นคง และค าประกาศของธานินทร์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่าต้องการให้ใช้เวลาถึง 12 ปีใน
               การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะท าให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

                       เมื่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 ก าเนิดภายใต้บริบทดังกล่าว กลไกระบบรัฐสภาจึงมีความเปลี่ยนแปลงไป
               ภายใต้การก าหนดความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้ระบบรัฐอยู่ภายใต้คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน โดยฝ่ายนิติ
               บัญญัติถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบสภาเดี่ยวชื่อว่า “สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน” ที่มาจากการแต่งตั้งสิ้น 300

               – 400 คน แม้จะมีอ านาจในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ แต่ก็ไม่สามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติทางการเงินได้
               หากแต่เป็นอ านาจของคณะรัฐมนตรีที่สามารถเสนอได้เท่านั้น ขณะที่ฝ่ายบริหารได้รับอ านาจเพิ่มขึ้นมาก

               โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ านาจมาตรา 21 ที่เป็นอ านาจในการออกค าสั่งหรือกระท าการใดก็ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคาม
               ความมั่นคง แต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่ครอบง านายกรัฐมนตรีผ่านต าแหน่ง

               สภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นสภาที่ปรึกษาจ าแลงของกองทัพที่เข้ามาครอบง าการเมือง
               เช่นนั้นแล้วจึงสังเกตได้ว่า กองทัพเข้าครอบง าระบบรัฐสภาภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 ตั้งแต่การตั้งสภาที่

               ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเพื่อครอบง าการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี มีสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่มาจาก
               การแต่งตั้งทั้งสภาซึ่งสามารถถูกครอบง ากระบวนการคัดสรรให้ได้ตัวแทนที่กองทัพต้องการ รวมถึงการวินิจฉัย
               รัฐธรรมนูญที่ยุบคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่มีตัวแทนของวิชาชีพตุลาการ และรับเอาอ านาจไปอยู่กับสภาปฏิรูปการ
   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159   160