Page 152 - 23154_Fulltext
P. 152

147


                       โครงสร้างอ านาจหน้าที่ของรัฐสภา

                       รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 เป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกร่างขึ้นภายใต้บริบททางการเมืองที่มีความขัดแย้งอย่าง

               รุนแรงจากกระแสการต่อต้านคอมมิวนิสต์ และพลังทางสังคมที่ถูกก ากับทิศทางโดยฝ่ายความมั่นคงไทย
               เจตนารมณ์ที่ถูกประกาศไว้ผ่านค าปรารภของรัฐธรรมนูญจึงเป็นการสร้างชุดค าอธิบายถึงสายตาของฝ่ายความ

               มั่นคงที่ประเมินว่า ช่วงเวลา 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ก าลังเกิดภัยคุกคามจากการจลาจลบ่อนท าลายความมั่นคงของ
               ราชอาณาจักร สถาบันกษัตริย์ และเศรษฐกิจของประเทศ อันเป็นเหตุให้คณะปฏิรูปการปกครองเข้ารัฐประหาร

               และยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมเพื่อป้องกันภัยพิบัติไม่ให้เกิดขึ้นในทัศนะของฝ่ายความมั่นคง นอกจากนั้นยังสังเกต
               ได้ถึงความพยายามในการสถาปนาชื่อเรียกใหม่ของระบอบการเมืองไทยขณะนั้นผ่านค าปรารภว่าเป็น “ระบอบ

               ประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” แม้ว่าในมาตรา 2 ยังคงเรียกเช่นเดิมว่า “ระบอบประชาธิปไตย มี
               พระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ก็ตาม

                       เมื่อมีความพยายามสถาปนาให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองแล้ว เพื่อกอบกู้ให้กลับคืนสู่การปกครอง
               ระบอบดังกล่าว กลุ่มผู้ร่างรัฐธรรมนูญจึงเสนอว่า จ าเป็นต้องปฏิรูปให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

               สอดคล้องกับสิ่งที่ธานินทร์เคยประกาศไว้ว่าต้องใช้เวลา 12 ปีในการกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย ก าหนดให้ 4 ปี
               แรกเป็นการฟื้นฟูเสถียรภาพของประเทศในทางเศรษฐกิจและการเมืองภายใต้การควบคุมความสงบโดยสภาปฏิรูป
               การปกครองแผ่นดินที่มาจากการแต่งตั้ง หรือกล่าวได้ว่า  จากนั้น 4 ปีถัดมาจึงเป็นไปตามที่ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.

               2519 มาตรา 28 ก าหนดให้มีการแบ่งสัดส่วนรัฐสภาครึ่งใบระหว่างสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งและ
               วุฒิสภาจากการแต่งตั้ง โดยที่ทั้งสองสภาที่อ านาจเท่ากันในการบริหารราชการ แล้วใน 4 ปีสุดท้ายจึงลดอ านาจ

               วุฒิสภาให้สภาผู้แทนราษฎรได้บริหารหากกองทัพมองว่าราษฎรตระหนักในหน้าที่ของตัวเองแล้ว โดยในส่วนของ
               เนื้อหาถัดไปจะเป็นการพิจารณาความสัมพันธ์เชิงอ านาจต่อระบบรัฐสภาที่มีความเปลี่ยนแปลงไปในรัฐธรรมนูญ
               พ.ศ. 2519 3 ประการ โดยอภิปรายตามล าดับ

                       ประการแรกว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของระบบรัฐสภา จากระบบสภาคู่กลับมาสู่สภาเดี่ยวอีกครั้ง เพื่อท า

               หน้าที่สภานิติบัญญัติภายใต้ชื่อว่า “สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน” ตามมาตรา 10 บัญญัติดังนี้
                              “มาตรา 10 ให้มีสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเพื่อท าหน้าที่นิติบัญญัติ ประกอบด้วยสมาชิก
                       จ านวนไม่น้อยกว่า 300 คน ไม่เกิน 400 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และอยู่ในต าแหน่ง 4 ปี

                       นับตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง”

                       ข้อสังเกตเรื่องของสภาเดี่ยวนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หากกองทัพรัฐประหารเพื่อ
               เข้าสู่อ านาจการปกครองเมื่อใดระบบสภาเดี่ยวก็จะถูกน ากลับมาอีกครั้งดังพิจารณาได้จากธรรมนูญการปกครอง
               พ.ศ. 2502 ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2515 และครั้งล่าสุดก็คือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 โดยสภาเดี่ยวใน

               รัฐธรรมนูญเหล่านี้ล้วนมาจากการแต่งตั้งภายใต้อิทธิพลของกองทัพทั้งสิ้น ขณะที่ในส่วนของอ านาจหน้าที่ของสภา
               ปฏิรูปการปกครองแผ่นดินจะเป็นไปตามมาตรา 15

                              “มาตรา 15 ร่างพระราชบัญญัติจะเสนอได้ก็แต่โดยคณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาปฏิรูปการ
                       ปกครองแผ่นดิน แต่สมาชิกจะเสนอร่างพระราชบัญญัติได้ก็ต่อเมื่อมีค ารับรองของคณะกรรมาธิการ
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157