Page 153 - 23154_Fulltext
P. 153
148
วินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งแต่งตั้งจากสมาชิกสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินหรือบุคคลอื่นจ านวนไม่
เกิน 12 คน
ให้สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินและคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมาธิการวินิจฉัยร่าง
พระราชบัญญัติฝ่ายละไม่เกิน 6 คน
ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน จะเสนอได้ก็แต่โดยคณะรัฐมนตรี ร่างพระราชบัญญัติใดเป็น
ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือไม่ ให้คณะกรรมาธิการวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติเป็นผู้วินิจฉัย”
จากการพิจารณามาตรา 15 จึงสังเกตได้ว่า เกิดข้อจ ากัดในการตรากฎหมาย โดยข้อจ ากัดแรกคือ เกิดการ
แต่งตั้งและให้อ านาจคณะกรรมาธิการวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติเพื่อท าหน้าที่รับรองร่างพระราชบัญญัติ และ
ข้อจ ากัดที่สองคือ กรณีที่เป็นร่างพระราชบัญญัติการเงินจะจ ากัดให้เสนอได้แต่โดยคณะรัฐมนตรี โดยมี
คณะกรรมาธิการวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติเป็นผู้วินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวถือเป็นร่างพระราชบัญญัติ
การเงินหรือไม่
นอกจากนั้นแล้ว อ านาจในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ถูกจ ากัดให้มาจากญัตติของคณะรัฐมนตรี
เท่านั้นตามมาตรา 24 โดยที่เสียงเห็นชอบในสามวาระนั้น วาระแรกต้องมีเสียงกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดของสภา
วาระที่สองต้องมีเสียงข้างมากเห็นชอบ และวาระที่สามต้องมีเสียงกึ่งหนึ่งของสภาเห็นชอบ จึงจะสามรถทูลเกล้า ฯ
ลงพระปรมาภิไธยให้รัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้วสามารถประกาศใช้ได้
ประการถัดมาคือ ความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่มีอ านาจน าก ากับควบคุมนายกรัฐมนตรีผ่านกลไกของ “สภาที่
ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่เป็นบุคคลของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน โดยที่มาและอ านาจหน้าที่เป็นไปตาม
มาตรา 18 ดังนี้
“มาตรา 18 ให้มีสภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีคณะหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยบุคคลในคณะปฏิรูป
การปกครองแผ่นดิน มีหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องใด ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีปรึกษา และหน้าที่อื่นตาม
รัฐธรรมนูญนี้
ให้คณะรัฐมนตรีและสภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีร่วมกันก าหนดแนวนโยบายเกี่ยวกับความ
มั่นคงของชาติ
ในการบริหารราชการแผ่นดินเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ คณะรัฐมนตรีต้องบริหารไปตาม
แนวนโยบายที่ก าหนดไว้ตามวรรคสอง”
จากมาตรา 18 จึงสังเกตได้ถึงอ านาจน าของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่เข้าครอบง าการตัดสินทาง
การเมืองของนายกรัฐมนตรีผ่านการให้ค าปรึกษาด้วยต าแหน่งของสภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี หรือกล่าวได้ว่า
เป็นสภาจ าแลงของกองทัพ ส่งผลให้อ านาจของกองทัพปรากฎขึ้นสองรูปแบบพร้อมกัน ได้แก่ รูปแบบของสภาให้
ค าปรึกษานายกรัฐมนตรีให้มีทิศทางสอดคล้องกับที่กองทัพต้องการ และขณะเดียวกันกองทัพก็มีตัวแทนที่คอยท า
หน้าที่นิติบัญญัติในรัฐสภาให้ดูเหมือนเป็นโครงสร้างสถาบันการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติที่มีใช้กันโดยทั่วไป อย่างไรก็
ตาม อ านาจของกองทัพยังเข้าไปขยายขอบเขตอ านาจของนายกรัฐมนตรีผ่านการรื้อฟื้นอ านาจเบ็ดเสร็จของ

