Page 157 - 23154_Fulltext
P. 157

152


                       จากสองประการข้างต้นได้ก่อให้เกิดข้อสังเกตเบื้องต้นอย่างน้อยใน 2 ประการต่อไปว่า ประการแรกคือ

               การใช้ระบบรัฐสภาเดี่ยวที่มาจากการแต่งตั้งล้วนภายใต้อิทธิพลของกองทัพไม่ประสบความส าเร็จในการสร้าง
               เสถียรภาพทางการเมือง เพราะนอกจากจะขาดความชอบธรรมจากประชาชนที่ไม่ได้เลือกตัวแทนที่สัมพันธ์กับ
               ความคิดหรือผลประโยชน์ของตนเองแล้ว ตัวแทนดังกล่าวยังอยู่ภายใต้การครอบง าโดยกองทัพ ส่งผลให้กองทัพ

               แบ่งแยกฝ่ายกันภายในเพื่อแย่งชิงการผูกขาดผลประโยชน์ในการแต่งตั้งตัวแทนในสภาอันจะน ามาสู่การตอบสนอง
               ผลประโยชน์สูงสุดของขั้วอ านาจนั้น ๆ ในกองทัพและคานอ านาจนายกรัฐมนตรีหากไม่ปฏิบัติให้สอดคล้องกับ

               ผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อย่างไรก็ตาม ประการที่สอง กองทัพหรือคณะปฏิรูปเองก็ไม่สามารถควบคุมความ
               อิสระของนายกรัฐมนตรีจากการแต่งตั้งได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแสดงที่มีความเป็นอิสระทางการเมืองที่มุ่ง

               แสดงออกทางการเมืองอย่างอนุรักษ์นิยมสุดโต่งอย่างธานินทร์จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนช่องว่างที่คณะปฏิรูปก็ไม่สามารถ
               ควบคุมพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีได้โดนสมบูรณ์แม้ว่าจะมีสภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีที่คณะปฏิรูปแต่งตั้ง

               ไว้ให้เป็นที่ปรึกษาและติดตามพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรี ภายใต้อุปสรรคที่คณะปฏิรูปไม่สามารถท าได้โดย
               ส าเร็จภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 จึงน ามาสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการร่างธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520 ซึ่ง
               มี ศ.ดร. สมภพ โหตระกิตย์ เป็นประธานกรรมการ และมีเลขานุการคือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ (ปรีชาทัศน์, 2563)

               หลังจากนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นการเสนอรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยการย้อนกลับสู่ธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่อ านวย
               ให้เกิดการใช้อ านาจเผด็จการยิ่งขึ้น ดังพิจารณาต่อไปในธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520



                       โครงสร้างอ านาจหน้าที่ของรัฐสภา


                       เมื่อพิจารณาผ่านค าปรารภของธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520 กล่าวได้ว่า เกือบจะคล้ายกันกับค า
               ปรารภของธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2517 ที่ให้ความส าคัญกับการอธิบายความจ าเป็นของการก่อรัฐประหารยึด

               อ านาจและยกเลิกรัฐธรรมนูญเพื่อฟื้นฟูความเป็นระเบียบของสังคมและความมั่นคงของชาติ โดยระหว่างที่ยกเลิก
               รัฐธรรมนูญฉบับเดิมก็ให้ใช้ธรรมนูญการปกครองไปพลางก่อน ควบคู่กับการก าหนดอ านาจหน้าที่ของสภานิติ
               บัญญัติแห่งชาติให้จัดท ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อรองรับการเลือกตั้งภายในปี พ.ศ. 2521 ผิดกันกับที่เคยบัญญัติใน

               รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 ที่ต้องการให้ใช้เวลา 4 ปีจนกว่าจะมีสภาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่ง นอกจากนั้นข้อสังเกตที่
               ส าคัญประการหนึ่งก็คือ ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2520 นั้น เลิกเรียกชื่อระบอบว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย

               และเว้นว่างในการเรียกชื่อระบอบการเมืองขณะนั้นแทน โดยระหว่างที่ก าลังเตรียมการจัดท ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
               ธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้ก าหนดขอบเขตความสัมพันธ์เชิงอ านาจใน 3 ประการส าคัญ ดังอภิปรายต่อไปนี้

                       ประการแรกเป็นการพิจารณาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยในส่วนของ
               จ านวนสมาชิกยังคงมีสมาชิกเท่าเดิมที่ก าหนดให้มีสมาชิก 300 คนไม่เกิน 400 คนที่มาจากการแต่งตั้งโดย

               พระมหากษัตริย์ตามที่ประธานสภานโยบายแห่งชาติกราบบังคมทูลตามมาตรา 7 และยังคงเป็นระบบสภาเดี่ยว มี
               การปรับความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติรับบทบาทส าคัญในระบบรัฐสภาไปพร้อมกันสองส่วน
               ส าคัญ ดังที่มาตรา 6  ที่ก าหนดไว้ว่าอ านาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประกอบด้วยการจัดท าร่าง

               รัฐธรรมนูญ และพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
   152   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162