Page 147 - 23154_Fulltext
P. 147
142
ปรับสมดุลของความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้สภาผู้แทนราษฎรอยู่เหนือวุฒิสภา ยังสามารถสังเกตได้จากข้อจ ากัดให้
อ านาจที่ส าคัญระดับชาติกลับมาอยู่ในการควบคุมของสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรี ดังมาตรา 146 ที่ให้
อ านาจคณะรัฐมนตรี หรือสภาผู้แทนราษฎรสามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติ รวมถึงพระราชบัญญัติการเงินที่สภา
ผู้แทนราษฎรจะเสนอได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีอนุมัติ หรืออ านาจในมาตรา 159 ว่าด้วยการยื่นอภิปรายไม่
ไว้วางใจที่กลับมาจ ากัดเป็นสิทธิของสภาผู้แทนราษฎรที่จะรวมชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เพื่อขออภิปรายไม่ไว้วางใจ
รัฐมนตรีเป็นรายคนหรือทั้งคณะ ในทางกลับกัน อ านาจของวุฒิสภาเหลือเพียงอ านาจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หรือ 30 วันหากเป็นร่างพระราชบัญญัติ
การเงินตามมาตรา 148 อย่างไรก็ตาม อ านาจประชุมร่วมรัฐสภาซึ่งเป็นโอกาสที่ทั้งสภาทั้งสองจะมีอ านาจเท่า
เทียมกันได้ก าหนดให้เป็นไปตามมาตรา 165 บัญญัติไว้ดังนี้
“มาตรา 165 ในกรณีต่อไปนี้ให้รัฐสภาประชุมร่วมกัน
(1) การให้ความเห็นชอบในการตั้งผู้ส าเร็จราชการแทนพระองค์ตามมาตรา 21 และมาตรา 22
(2) การปฏิญาณตนของผู้ส าเร็จราชการแทนพระองค์ต่อรัฐสภาตามมาตรา 24
(3) การแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 ตามมาตรา 25
(4) การให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติตามมาตรา 26
(5) การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติใหม่ตามมาตรา 99
(6) การให้ความเห็นชอบในการปิดสมัยประชุมตามมาตรา 137
(7) การเปิดสมัยประชุมตามมาตรา 138
(8) การตีความรัฐธรรมนูญตามมาตรา 163
(9) การแต่งตั้งและการให้ผู้ตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภาพ้นจากต าแหน่งตามมาตรา 168 และมาตรา 173
(10) การตั้งคณะกรรมาธิการมาตรา 172
(11) การเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 185
(12) การให้ความเห็นชอบในการประกาศใช้กฎอัยการศึกมาตรา 193
(13) การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงครามตามมาตรา 194
(14) การให้ความเห็นชอบแก่หนังสือสัญญาและสนธิสัญญาตามมาตรา 195
(15) การแต่งตั้งตุลาการรัฐธรรมนูญตามมาตรา 218
(16) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 228”
แม้ว่าจะสังเกตถึงความคงเดิมของอ านาจในการประชุมร่วม 2 สภาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน
กษัตริย์ อย่างการแต่งตั้งผู้ส าเร็จราชการ และการสืบราชสันตติวงศ์ ประเด็นการปรึกษาพระราชบัญญัติ ประเด็น
การตีความหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือประเด็นการแต่งตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ และประเด็นอื่นเกี่ยวเนื่องกับ
รัฐสภา ประเด็นเหล่านี้ยังคงเป็นอ านาจของสภาคู่ในการประชุมร่วมกัน ขณะเดียวกันก็สังเกตได้ถึงการเพิ่มอ านาจ
ของรัฐสภาที่ต้องร่วมกันแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้ตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภาในมาตรา 165 (9) ซึ่งต าแหน่งของ
ผู้ตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภาเป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 มีที่มาในการรับ