Page 143 - 23154_Fulltext
P. 143

138


               ความก้าวหน้ามากในห้วงเวลานั้น ได้แก่ ประเด็นแรกคือ เสรีภาพในความคิดและมโนธรรม เพื่อให้เสรีภาพใน

               ความคิดมาแทนที่ข้อจ ากัดให้นับถือได้เพียงศาสนาเท่านั้น ประเด็นที่สองคือ อ านาจอธิปไตยและการมีส่วนร่วมของ
               ประชาชน โดยมีการเสนอให้รัฐบาลมีอ านาจในการเสนอจัดท าประชามติ และ ส.ว. ต้องมาจากการเลือกตั้ง และ
               ประเด็นที่สามคือ คนรุ่นใหม่ในระบบเลือกตั้ง เป็นการเสนอให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอายุขั้นต่ าคือ 18 ปี และผู้ลงรับ

               สมัครเลือกตั้งมีอายุขั้นต่ าที่ 20 ปี ทว่าประการที่สองเป็นการสะท้อนเรื่องข้อจ ากัดของการอภิปรายในพื้นที่สภานิติ
               บัญญัติ เพราะสมาชิกล้วนไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่มีความยึดโยงกับประชาชน อีกทั้งการอภิปรายในสภาก็ไม่ได้

               อภิปรายอย่างมีเหตุผลเสมอไป และไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติในการตัดสินใจลงคะแนนของสมาชิกสภาที่ขึ้นกับ
               การต่อรองทางการเมือง ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อข้างต้นของป๋วยจึงไม่ได้รับความเห็นชอบแต่อย่างใดจากการอภิปรายใน

               สภานิติบัญญัติที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับประชาชน (ประชาไท, 2559)
                       อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ส ารวจบริบททางประวัติศาสตร์ในข้างต้นจึงสรุปได้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อกระบวนการ

               ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 สามารถประเมินได้ผ่าน 3 ปัจจัยส าคัญ ได้แก่ ปัจจัยแรกคือ พระราชอ านาจในการฝ่า
               วิกฤตทางตันในทางการเมือง พระราชอ านาจถูกมองว่าเป็นอ านาจที่ศักดิสิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติหลังจากทั้ง
               กรณีพระราชอ านาจประกาศขอให้ยุติความรุนแรงในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หรือการแต่งตั้งทั้ง

               นายกรัฐมนตรีพระราชทาน คือ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ซึ่งเรียกกันว่า "นายกรัฐมนตรีพระราชทาน" ในเรื่องนี้มีการ
               ถกเถียงกันว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีพระราชทานเป็นการใช้พระราชอ านาจโดยพระราชอัธยาศัยหรือไม่ แต่ได้มี

               ผู้โต้แย้งว่ามิได้เป็นการใช้พระราชอ านาจตามพระราชอัธยาศัย เนื่องจากมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ นาย
               ทวี แรงข า ซึ่งตามมาตรา 14 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 บัญญัติให้ประธานสภานิติ

               บัญญัติแห่งชาติเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ โดยมิได้ระบุว่าหากประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติ
               หน้าที่ไม่ได้แล้วใครจะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ได้มีภาพปรากฏในหน้าหนังสือการ

               รับสนองพระบรมราชโองการของนายทวี แรงข า (จันทนา ไชยนาเคนทร์, 2554: 68-69) ประการที่สองคือ สภานิติ
               บัญญัติแห่งชาติชุดที่มาจากการเลือกกันเองของสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งสภาชุดนี้มีการแบ่งแยกกันตามกลุ่มอาชีพ
               เดียวกันหรือความสนิทส่วนตัว โดยท่ามกลางการแบ่งกลุ่มอย่างเป็นอิสระต่อกัน กลุ่มที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสภาก็คือ

               กลุ่มดุสิต 99 ซึ่งเป็นการรวมตัวของข้าราชการและนักธุรกิจภายใต้การน าของเกษม จาติกวณิช (ภูริ ฟูวงศ์เจริญ,
               2563: 370) ท าให้บทบาทการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญอยู่ภายใต้การเจรจาต่อรองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มา

               จากสมัชชาแห่งชาติชุดนี้ซึ่งมีทั้งความอิสระภายในแบ่งกลุ่มโดยที่แต่ละคนแต่ละกลุ่มก็มีความคิดและผลประโยชน์
               ส่วนบุคคลที่เสนออย่างตรงไปตรงมาในสภา โดยมีกลุ่มดุสิต 99 เป็นผู้ประสานงานภายในรัฐสภา ทั้งนี้ประการที่

               สาม ขบวนการนักศึกษา ศนท. ยังคงมีบทบาทในการประท้วงต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ ตัวอย่างเช่น มาตรา 107 ว่า
               ด้วยการแต่งตั้งวุฒิสภาทั้งชุด มาตรา 115 ว่าด้วยการก าหนดอายุผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็น 20 ปี และผู้มีสิทธิลงสมัคร

               รับเลือกตั้งเป็น 25 ปี หรืออ านาจฝ่ายบริหารให้ส่งกองทัพไปรบหรือกองก าลังต่างชาติเข้ามาประจ าการในประเทศ
               โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาเสียก่อน เป็นต้น แม้ว่าสุดท้ายแล้วสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเห็นชอบรับรอง
               ร่างรัฐธรรมนูญด้วยคะแนน 280 ต่อ 6 จนท าให้การต่อต้านจากขบวนการนักศึกษาต้องยอมยุติลงในที่สุดก็ตาม

               (ภูริ ฟูวงศ์เจริญ, 2563: 374-375)
   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147   148