Page 140 - 23154_Fulltext
P. 140
135
ส่งผลให้การประกาศใช้ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2515 รับเอามาตรา 17 กลับมาพร้อมขยายขอบเขตอ านาจจาก
ความมั่นคงสู่ขอบเขตอื่น เช่น เศรษฐกิจ หรือสุขอนามัย เป็นต้น หรือกล่าวได้ว่า อ านาจนิติบัญญัติและบริหารถูก
รวมศูนย์ไว้มากเพียงพอที่จะสั่งการครอบคลุมแทบทุกมิติ และมีความชอบธรรมในการประกาศใช้ค าสั่ง ประกาศ
หรือกฎหมายดังกล่าว
เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์เชิงอ านาจจากตัวบทของรัฐธรรมนูญแล้วจะสามารถสังเกตได้ใน 3 ประการที่มี
ความเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ ประการแรก ฝ่ายนิติบัญญัติได้ถูกเปลี่ยนแปลงที่มาของต าแหน่งจากการเลือกตั้งแบบ
แบ่งเขตตามสัดส่วนประชากรในพื้นที่ เปลี่ยนมาเป็นการแต่งตั้งทั้งหมดโดยคณะปฏิวัติซึ่งมีอ านาจในการเสนอ
รายชื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้ง 299 คนตามมาตรา 6 นอกจากนั้นอ านาจนิติบัญญัติยังถูกจ ากัดขอบเขตไม่ให้
ฝ่ายนิติบัญญัติมีอ านาจเสนอร่างพระราชบัญญัติการเงินหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ประการที่สอง ฝ่ายบริหาร
ถูกขยายอ านาจขึ้นมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่อ านาจเสนอร่างกฎหมายการเงินตามมาตรา 9 และอ านาจเสนอร่าง
รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขตามมาตรา 10 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 17 ที่รวมศูนย์อ านาจให้นายกรัฐมนตรีสามารถ
ออกค าสั่ง ประกาศ หรือกฎหมายเพื่อควบคุมความมั่นคงได้ดังปรารถนา ซึ่งอ านาจดังกล่าวล่วงล้ าพรมแดนของนิติ
บัญญัติ ตลอดจนคณะรัฐมนตรีคนใดก็ตามที่อาจไม่เห็นชอบกับค าสั่ง ประกาศ หรือกฎหมายดังกล่าว ท้ายที่สุดก็
ประการที่สาม ว่าด้วยการหายไปของอ านาจตีความรัฐธรรมนูญ และการน าเอาตุลาการรัฐธรรมนูญออกจาก
บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เหลือไว้เพียงอ านาจของคณะรัฐมนตรีที่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น
โดยสรุปแล้ว ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2515 จึงสามารถพิจารณาได้ในฐานะของเครื่องมือทางการเมือง
ชั่วคราวเพื่อควบคุมเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงของรัฐบาลถนอมที่มาจากการรัฐประหาร มากกว่าจะ
เป็นการจัดสรรผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อประชาชน เช่นนั้นแล้วสภานิติบัญญัติแห่งชาติจึงถูกควบคุมให้มาจาก
คณะปฏิวัติและครอบง ากระบวนการท างานโดยคณะปฏิวัติ และถูกรวมศูนย์อ านาจทางนิติบัญญัติและบริหารด้วย
มาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครอง พ.ศ.2515 โดยรับเอาความเคยชินจากการใช้อ านาจของมาตรา 17 ของ
ธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2502 หรือกล่าวได้ว่าเป็นการรับเอาเจตนารมณ์ในการจัดสรรอ านาจทางการเมือง
ชั่วคราวโดยกองทัพกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อกองทัพและให้ระบบราชการที่เป็นขั้วอ านาจเดียวกับผู้น าคณะปฏิวัติพึง
พอใจ ซึ่งเป็นการตอบสนองข้อเรียกร้องของข้าราชการหลังจากเผชิญข้อขัดแย้งที่มีกับนักการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติ
ที่มาจากการเลือกตั้งอันมีชุดคุณค่าในการตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งของตนเอง
6.1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2517
บริบททางการเมือง
หลังจากที่คณะปฏิวัติน าโดยจอมพลถนอมได้ท ารัฐประหารในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 และได้
ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 ในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 แม้ว่าอ านาจมาตรา
17 จะท าให้คณะปฏิวัติครองอ านาจการเมืองเบ็ดเสร็จทั้งฝ่ายบริหารและระบบรัฐสภา ทว่าปัญหาความชอบธรรม
ได้เกิดขึ้นภายในรัฐบาลของถนอมนั้น สามารถพิจารณาได้ใน 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านแรก ปัญหาความรุนแรงที่
เกิดขึ้นจากอ านาจมาตรา 17 ที่ได้ปรากฎผ่านค าสั่งประหารชีวิตหรือจ าคุก โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมกว่า 97