Page 135 - 23154_Fulltext
P. 135

130


               คานอ านาจในความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้เกิดความได้เปรียบแก่วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งด้วยความอาวุโส

               นอกจากนั้นแล้ววุฒิสภายังอยู่ในอ านาจที่มากขึ้นถึง 6 ปี นอกจากนั้นยังครองอ านาจน าเหนือสภาผู้แทนราษฎร
               จากการที่ประธานวุฒิสภายึดครองต าแหน่งประธานรัฐสภา ยังแสดงให้เห็นถึงอ านาจที่เหนือกว่าของวุฒิสภา
                       การปรับครั้งส าคัญให้สมดุลของความสัมพันธ์เชิงอ านาจระหว่างสภาผู้แทนกับวุฒิสภาเทียบเท่ากันใน

               บทบาทนิติบัญญัติ โดยเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 สังเกตได้จาก 4 ข้อ ได้แก่ ข้อแรก
               มาตรา 117 ขยายกรอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติ รวมถึงร่างกฎหมายการเงินที่เสนอได้โดยคณะรัฐมนตรี

               สมาชิกวุฒิสภา หรือสภาผู้แทน ถัดมาข้อสอง การเลือกนายกรัฐมนตรีก็มาจากการร่วมกันเลือกของรัฐสภา ซึ่งให้
               อ านาจวุฒิสภาร่วมเลือกด้วยเช่นกันตามมาตรา 137 ขณะที่ข้อสาม เมื่อนายกรัฐมนตรีมีที่มาจากการร่วมเลือกของ

               วุฒิสภาด้วยแล้ว มาตรา 128 ก็ให้อ านาจวุฒิสภาในการร่วมลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลเช่นเดียวกับสภาผู้แทน
                       นอกจากนั้น ข้อที่สี่ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างมาตรา 134 ของ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 กับมาตรา 137

               ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 มีสิ่งที่ปรากฎเพิ่มขึ้นมาก็คือ มาตรา 134 (7) ว่าด้วยการที่คณะรัฐมนตรีต้องแถลง
               นโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 141 นอกจากในแง่ของความเป็นประชาธิปไตยที่ให้ความส าคัญกับตัวแทนทั้งแบบ

               ส.ส. และ ส.ว. แล้ว ในอีกด้านยังสะท้อนความเท่าเทียมกันของอ านาจในระบบรัฐสภาระหว่างตัวแทนที่มาจากการ
               เลือกตั้งกับตัวแทนที่มาจากการแต่งตั้ง ในกรณีนี้จึงไม่สามารถพิจารณาในลักษณะที่เป็นคุณต่อระบอบ

               ประชาธิปไตย หากแต่เป็นสถานการณ์ที่วุฒิสภาทรงอ านาจเพียงพอที่จะแทรกแซงการเมืองการตัดสินใจทาง
               การเมืองของสภาผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนผ่านมาตรา 134 ในการการกระท าทางการเมืองที่
               ส าคัญอย่างการแต่งตั้งผู้ส าเร็จราชการแทนตามมาตรา 134 (1) การให้ความเห็นชอบต่อการสืบราชสมบัติตาม

               มาตรา 134 (3) รวมถึงการร่วมใช้อ านาจแก้ไขหรือตีความรัฐธรรมนูญตามมาตรา 134 (11) และ (12) ตลอดจน
               การควบคุมการแต่งตั้งตุลาการรัฐธรรมนูญในมาตรา 164 ซึ่งอ านาจควบคุมการแต่งตั้งดังกล่าวได้ปรับเปลี่ยน

               ความสัมพันธ์ที่วุฒิสภาจะมีต่อตุลาการรัฐธรรมนูญดังจะพิจารณาในล าดับถัดไป


                       ประการที่สาม สมดุลของความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่รัฐสภามีต่อระบบตุลาการ เมื่อสังเกตตั้งแต่ที่มาของ
               คณะตุลาการรัฐธรรมนูญตามมาตรา 164 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 จะสังเกตได้ว่าเหมือนกันกับรัฐธรรมนูญ

               พ.ศ. 2492 มาตรา 168 โดยมีสาระส าคัญคือ ประกอบด้วยสมาชิก 9 คน ได้รับแต่งตั้งโดยต าแหน่ง 5 คน ได้แก่
               ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทน ประธานศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ อธิบดีอัยการ และอีก 4 คนที่
               รัฐสภาแต่งตั้งจากรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย โดยมีประธานวุฒิสภาเป็นประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ รวมถึง

               กระบวนการแต่งตั้งจะเป็นบทบาทของรัฐสภาร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนและวุฒิสภา จึงกล่าวได้ว่าวุฒิสภาครอง
               อ านาจน าทั้งในการครองต าแหน่งประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ มีอ านาจร่วมแต่งตั้งสมาชิก 4 คน ตลอดจนสมาชิก

               ที่สัมพันธ์กับวุฒิสภาทั้งโดยตรงแล้วโดยอ้อมเหล่านั้นร่วมวินิจฉัยตามมาตรา 175 กรณีที่มีกฎหมายหรือบทบัญญัติ
               ใดขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นวุฒิสภาจึงครองอ านาจน าโดยอ้อมต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต าแหน่งของ

               ประธาน สมาชิกแต่งตั้ง ตลอดจนปัจจัยเชิงพฤติกรรมของตัวแทนที่สัมพันธ์กับวุฒิสภาในการวินิจฉัยกรณีที่ขัดต่อ
               รัฐธรรมนูญก็มีแนวโน้มที่จะเป็นการสอดคล้องกับที่วุฒิสภาประสงค์ก็ได้เช่นกัน
   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140