Page 130 - 23154_Fulltext
P. 130

125


               ก ากับภายใต้คณะรัฐประหารที่หลังจากแต่งตั้งได้ด าเนินการล่าช้าราว 9 ปี หรือเป็นเวลา 6 ปี 10 เดือน หากนับ

               จากวันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรกเมื่อวันที่ 30มีนาคม พ.ศ. 2504 หลังจากแต่งตั้งสภาร่าง
               รัฐธรรมนูญตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502 เพราะมีทั้งการต่อต้านและความล่าช้าจากการท า
               หน้าที่ควบคู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ต้องร่างรัฐธรรมนูญพร้อมกับท าหน้าที่นิติบัญญัติไปพร้อมกัน โดยที่

               เจตนารมณ์ส าคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ที่การมอบอ านาจพิเศษให้นายกรัฐมนตรีมีความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพื่อ
               คุ้มครองความสงบสุขของชาติ (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 108-110, ภูริ ฟูวงศ์เจริญ, 2563: 243)

                       โครงสร้างและอ านาจหน้าที่ของรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

                       ตัวบทของธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2502 ที่ได้จัดท าขึ้นภายใต้การก ากับกระบวนการร่างโดยคณะ

               ปฏิวัตินี้ได้วางเจตนารมณ์ในการก าหนดความสัมพันธ์เชิงอ านาจขึ้นมาใหม่ภายใต้วัตถุประสงค์ของความพยายาม
               แทรกแซงการเมืองและรักษาอ านาจของคณะรัฐประหาร ด้วยเหตุนี้จึงสามารถตั้งข้อสังเกตต่อความเปลี่ยนแปลง

               ของความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่เกี่ยวพันกับระบบรัฐสภาในธรรมนูญฉบับนี้ได้ 2 ประการ ดังจะอภิปรายต่อไป
                       ประการแรก บทบัญญัติว่าด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากธรรมนูญการปกครอง พ.ศ. 2052 เป็นเพียง

               รัฐธรรมนูญชั่วคราวในสภาวะที่ก าลังเตรียมการส าหรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เช่นนั้นแล้ว อ านาจ หน้าที่ และที่มา
               ของสภาร่างรัฐธรรมนูญจึงเป็นไปตามมาตราเหล่านี้

                              “มาตรา 6 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญและให้มีฐานะเป็นรัฐสภา ท าหน้าที่นิติ
                       บัญญัติด้วย”

                              “มาตรา 7 สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกจ านวน 240 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรง
                       แต่งตั้ง ...”

                              “มาตรา 11 ในกรณีการลงมติขอสภาร่างรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา 10 ไม่ได้คะแนนเสียง
                       ของสมาชิกให้น าร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยเกินกึ่งหนึ่ง

                       ของจ านวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่
                       และด าเนินการต่อไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้”


                       เมื่อพิจารณาจากทั้งสามมาตราในข้างต้น จะสามารถตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์เชิงอ านาจ สภาร่าง

               รัฐธรรมนูญในฐานะองค์กรการเมืองที่มาจากการแต่งตั้งทั้งหมดเข้าไปเป็นฝ่ายนิติบัญญัติแทนที่ระบบรัฐสภาเดิม
               ตามก าหนดในมาตรา 6 เมื่อเป็นเช่นนี้ระบบรัฐสภาจึงเป็นความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่มีระดับการต่อต้านที่น้อยมาก
               อันเนื่องจากปราศจากขั้วอุดมการณ์ทางการเมือง และถูกครอบง าโดยคณะปฏิวัติ



                       ประการที่สอง ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหารที่มีอ านาจสัมบูรณ์ และเป็น
               อิสระจากฝ่ายนิติบัญญัติโดยเด็ดขาด เนื่องจากมาตรา 16 ว่าด้วยที่มาของนายกรัฐมนตรีให้มาจากคณะรัฐประหาร
               เท่านั้น ไม่ได้มาจากการเลือกของรัฐสภาแต่อย่างใด ดังที่ก าหนดไว้ว่า
   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135