Page 127 - 23154_Fulltext
P. 127
122
อ านาจยังคงมากแม้ว่าจะสูญเสียวุฒิสภาแต่ได้รับการทดแทนด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ชั่วคราวใน
ระยะเวลา 10 ปี
ในส่วนของตัวบทรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ประกอบด้วย 3 ประเด็นส าคัญอัน
เป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีต่อความสัมพันธ์เชิงอ านาจต่อระบบรัฐสภา ได้แก่ ประเด็นแรก เป็นเรื่องของพระราช
อ านาจ โดยสังเกตได้จากพระราชอ านาจแต่งตั้งสมาชิกองค์กรทางเมือง ได้แก่ มาตรา 11 ว่าด้วยพระราชอ านาจ
แต่งตั้งองคมนตรีจ านวน 9 คน และมาตรา 115 (2) ว่าด้วยพระราชอ านาจแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ประเภทที่ 2 ต าแหน่งทางการเมืองทั้งสองสามารถประเมินได้ถึงมิติความเป็นการเมืองที่ดึงเอาพระมหากษัตริย์มา
เป็นส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต าแหน่งของสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ประกอบกับพระราชอ านาจมาตรา
72 ที่เป็นพระราชอ านาจในการโต้แย้งพระราชบัญญัติได้ภายใน 60 วัน จึงเกิดเป็นข้อถกเถียงที่สามารถพิจารณาได้
ทั้งความเป็นการเมืองในการเป็นคู่ขัดแย้งระหว่างตัวแทนพระมหากษัตริย์กับประชาชน หรือพิจารณาในแง่ของ
หน้าที่ในการร่วมตรวจสอบเพื่อประชาชนก็ได้ เนื่องจากความสัมพันธ์เชิงอ านาจในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ได้ให้
ความส าคัญกับประเด็นของ “การรับรองความชอบธรรมให้แก่กันระหว่างรัฐสภากับสถาบันกษัตริย์” โดยสังเกตได้
จากมาตรา 17 ว่าด้วยอ านาจของรัฐสภาในการแต่งตั้งผู้ส าเร็จราชการแทน หรือมาตรา 21 และ 23 ว่าด้วยการสืบ
ทอดราชสันตติวงศ์ที่รัฐสภามีหน้าที่ให้การรับรอง บทบาทเหล่านี้จึงสะท้อนความสัมพันธ์เชิงอ านาจในลักษณะที่
เป็นการรับรองความชอบธรรมให้แก่กันระหว่างรัฐสภากับสถาบันกษัตริย์ได้เช่นกัน
ประเด็นที่สอง ระบบรัฐสภาเดี่ยวตามมาตรา 115 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495
ได้ก าหนดให้ระบบรัฐสภาเหลือเพียงสภาผู้แทนราษฎร ตัดระบบวุฒิสภาออกไป ขณะที่ตัวสภาผู้แทนราษฎรแบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภทในสัดส่วนจ านวนเท่ากัน ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และสภา
ผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 อันมาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ ประเด็นที่ต้องพิจารณาในที่นี้จึงเป็นทางแพร่ง
ระหว่างการร่วมตรวจสอบทางการเมืองด้วยตัวแทนที่พระมหากษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้ง ขณะเดียวกันก็มีประเด็นที่
สามารถประเมินได้ว่าพระมหากษัตริย์กลายมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับประชาชนผ่านตัวแทนแต่งตั้งที่มี
สัดส่วนครึ่งหนึ่งของรัฐสภา อีกทั้งตัวแทนเหล่านั้นยังสามารถใช้รัฐสภาเป็นพื้นที่ในการลงมติรับรองความชอบธรรม
ของกิจการที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่คณะผู้จัดท ารัฐธรรมนูญได้ขยายระยะวาระ
ด ารงต าแหน่งจาก 4 ปีเป็น 5 ปีตามมาตรา 47
ประเด็นที่สาม คณะตุลาการรัฐธรรมนูญตามมาตรา 106 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์เชิง
อ านาจอย่างน้อย 2 ข้อ ได้แก่ ข้อแรก จ านวนของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญจะประกอบด้วย 6 คน ท าให้ต้อง
ตัดสินใจด้วยเสียงข้างมาก 2 ใน 3 เป็นอย่างต่ าเสมอ โดยที่สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้ง 3 คนจากผู้ทรงคุณวุฒิ ส่งผล
ให้การตัดสินใจจากสมาชิกครึ่งหนึ่งมีแนวโน้มตอบสนองกิจการของสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนั้นข้อสอง
ประธานสภาเปลี่ยนจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ที่ให้มาจากประธานวุฒิสภาโดยต าแหน่ง มาสู่ประธานศาลฎีกา
ซึ่งสะท้อนความพยายามลดทอนความเป็นการเมืองจากฝ่ายนิติบัญญัติด้วยการก าหนดให้เป็นตัวแทนของวิชาชีพ
ทางนิติศาสตร์แทน