Page 122 - 23154_Fulltext
P. 122
117
ขณะที่ประการที่สอง วุฒิสภาอันมีที่มาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์โดยตรงจ านวน 100 คนตาม
มาตรา 82 ประกอบกับการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกจะได้รับการรับรองพระบรมราชโองการโดยองคมนตรี จากการที่
วุฒิสภาและองคมนตรีต่างมาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์และองคมนตรีมีหน้าที่รับรองให้แก่วุฒิสภาอีก
ล าดับ องค์กรทางการเมืองภายใต้หลักประกันในการรักษาความชอบธรรมให้แก่กันเหล่านี้จะท าหน้าที่สัมพันธ์กับ
การสร้างผลประโยชน์สูงสุดทางการเมืองให้แก่ประชาชน ซึ่งสัมพันธ์กับประการที่สาม อ านาจของระบบรัฐสภาใน
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ยังก าหนดให้วุฒิสภามีอ านาจนิติบัญญัติเทียบเท่ากับสภาผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งตาม
ระบอบประชาธิปไตยในประเด็นส าคัญตามมาตรา 137 ทั้งในประเด็นของการแต่งตั้งผู้ส าเร็จราชการแทนพระองค์
การให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติ การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติตามมาตรา 77 การแต่งตั้งตุลาการ
รัฐธรรมนูญตามมาตรา 168 การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 173 และการตีความตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา
177 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นทางรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้วุฒิสภามีอ านาจร่วมแก้ไขและ
ตีความรัฐธรรมนูญ ตลอดจนแต่งตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้เทียบเท่ากับสภาผู้แทน
4.6 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495
บริบททางการเมือง
หลังจากการเข้าสู่อ านาจรัฐบาลจอมพล ป. ได้มีความพยายามของฝ่ายกองทัพในการเป็นส่วนหนึ่งของผู้
แข่งขันในสถาบันรัฐสภาผ่านการตั้งพรรคการเมืองชื่อว่า สหพรรค ควบคู่กับการสนับสนุนของกองทัพ อย่างไรก็
ตามสถานการณ์ทางการเมืองในต้นทศวรรษ 2490 รัฐบาลจอมพล ป. ยังต้องเผชิญกับปัญหาความชอบธรรมทาง
การเมืองที่ส่งผลให้รัฐบาลจอมพล ป. ถูกต่อต้านใน 2 รูปแบบพร้อมกัน ได้แก่ รูปแบบแรก จอมพล ป. ต้องเผชิญ
กับการต่อต้านรัฐบาลในลักษณะของการก่อกบฏหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น กบฏเสนาธิการ กบฏแบ่งแยกดินแดนใน
ภาคอีสาน กบฏวังหลวง หรือกบฏแมนฮัตตัน เป็นต้น (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 88-96) และ รูปแบบที่สอง
เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองที่กองทัพมีต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมในระบบรัฐสภา เพราะแม้ว่ากองทัพจะ
สามารถควบคุมพลังด้านความมั่นคงไว้ได้ ไม่ว่าจะกองทัพบก กองทัพเรือ หรือเสรีไทย แต่พลังของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ในสภาเป็นสิ่งที่กองทัพยังไม่สามารถควบคุมได้สมบูรณ์ ขณะเดียวกันทหารเองก็ไม่สามารถเข้าไปท างานในสภา
ผู้แทนในสภาวะที่เป็นข้าราชการได้เช่นกัน ประกอบกับสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรค
ประชาธิปัตย์ในการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญที่จะขยายขอบเขตพระราชอ านาจผ่านวุฒิสภา เหตุการณ์ในข้างต้น
น ามาสู่การต่อต้านของกองทัพและท าการรัฐประหารยึดอ านาจในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ซึ่งเป็น
ช่วงเวลา 3 วันก่อนที่พระมหากษัตริย์จะเสด็จกลับพระนคร ผลของการรัฐประหารจึงตามมาด้วยการยกเลิก
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ที่ก าหนดระบบการเมืองที่ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาไม่สมดุลกับพระราช
อ านาจของพระมหากษัตริย์ และเปลี่ยนแปลงให้กลับมาใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 อีกครั้งเป็นเวลา 6 ธันวาคม
พ.ศ. 2494 จนถึง 7 มีนาคม พ.ศ. 2495 ซึ่งสังเกตได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีลักษณะจ ากัดขอบเขตอ านาจของ
พระมหากษัตริย์ยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 101-103; ณัฐพล ใจจริง, 2556:
124-125)