Page 118 - 23154_Fulltext
P. 118

113


                              “มาตรา 14 การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีก็ดี การให้องคมนตรีพ้นจากต าแหน่งก็ดี ให้เป็นไป

                       ตามพระราชอัธยาศัย”


                       นอกจากภารกิจในส่วนของการถวายค าปรึกษาต่อพระมหากษัตริย์แล้ว อีกภารกิจที่สังเกตได้ถึงความทับ
               ซ้อนแทนที่บทบาทของรัฐสภาคือ มาตรา 18 ว่าด้วยบทบาทเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการจากการ

               ถอดถอนข้าราชการในพระองค์ โดยสิ่งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้พยายามท าให้คณะองคมนตรีมีลักษณะที่มีความ “เหนือ
               การเมือง” ประการหนึ่งก็คือ มาตรา 15 ที่จ ากัดให้คณะองคมนตรีต้องไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด คุณลักษณะในข้อ
               นี้จึงเป็นการพยายามแยกเอาบทบาทหน้าที่เดิมของรัฐสภาในการให้ค าปรึกษาทางการเมืองหรือประเด็นใดก็ตามที่

               มีมีความเป็นการเมืองออกมา โดยวางทับภาพลักษณ์ของการอยู่เหนือการเมืองให้ดูแบ่งแยกออกจากนักการเมือง
               ในระบบรัฐสภา

                       เมื่อพิจารณาในมาตรา 77 ยังพบว่าได้ขยายขอบเขตของพระราชอ านาจในการโต้แย้งร่างกฎหมาย โดยนัย
               ส าคัญคือ การขยายขอบเขตระยะเวลาวันที่สามารถแสดงความคิดเห็นโต้แย้งต่อร่างกฎหมาย ดังที่กฎหมายระบุว่า

                              “มาตรา 77 ร่างพระราชบัญญัติใดพระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยและพระราชทานคืนมายัง
                       รัฐสภา หรือมิได้พระราชทานคืนมาภายใน 90 วัน รัฐสภาต้องปรึกษาร่างพระราชบัญญัตินั้นใหม่ ถ้าสภา

                       ลงมติยืนยันตามเดิมด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ ากว่า 2 ใน 3 ของจ านวนสมาชิกทั้งหมดของทั้งสองสภาแล้ว ให้
                       นายกรัฐมนตรีน าร่างพระราชบัญญัตินั้นขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลง

                       พระปรมาภิไธยพระราชทานลงมาภายใน 30 วัน ก็ให้น าพระราชบัญญัตินั้นประกาศในพระราชกิจจา
                       นุเบกษาใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ เสมือนหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ได้ลงพระปรมาภิไธยแล้ว”

                       ขอบเขตของระยะเวลาในการใช้พระราชอ านาจแสดงความคิดเห็นโต้แย้งร่างกฎหมายของรัฐสภาถูกขยาย
               ขอบเขตอ านาจขึ้นอย่างมีนัยส าคัญเป็น 90 วัน ซึ่งเมื่อพิจารณาย้อนกลับไปยังรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าแต่ละฉบับ
               จะสังเกตเห็นความแตกต่างตามล าดับ ได้แก่ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2490 รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 และ

               รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ก าหนดไว้ที่ 1 เดือน ท้ายสุดจึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2475 ที่ก าหนดไว้ที่ 7
               วัน การขยายกรอบระยะเวลาดังกล่าวจึงเป็นอีกข้อสังเกตที่ส าคัญที่จะสนับสนุนข้อถกเถียงเรื่องความเป็นการเมือง

               ของการขยายพระราชอ านาจของพระมหากษัตริย์ผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492


                       ความสัมพันธ์เชิงอ านาจรูปแบบที่สอง วุฒิสภายังคงสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์ในฐานะของที่มาของ
               ต าแหน่ง เนื่องจากมาตรา 82 ก าหนดไว้ว่า

                              “มาตรา 82 วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกมีจ านวน 100 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและ
                       แต่งตั้งจากผู้มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทน และมีอายุไม่ต่ ากว่า 40 ปีบริบูรณ์ ซึ่งทรง

                       พระราชด าริเห็นว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีความรู้ความช านาญในวิชาการหรือกิจการต่าง ๆ อันจะยังให้
                       เกิดประโยชน์แก่การปกครองแผ่นดิน

                              ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา”
   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123