Page 114 - 23154_Fulltext
P. 114

109


               สามารถถวายค าปรึกษาแก่พระมหากษัตริย์โดยตรง ในที่นี้จึงสามารถพิจารณาได้ถึงปัญหาความสมเหตุสมผลของ

               ระดับอ านาจกับความชอบธรรมในการเข้าสู่อ านาจที่แตกต่างกันระหว่างพฤฒสภากับอภิรัฐมนตรีได้เช่นกัน
                       ประการที่สอง แม้ว่าจะยังคงเป็นระบบสภาคู่คงเดิม ไม่เพียงแต่พฤฒสภาเปลี่ยนชื่อเป็นวุฒิสภา หากยัง
               เปลี่ยนแปลงในส่วนของที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ดังบัญญัติในมาตรา 33 ว่าด้วยพระราชอ านาจของ

               พระมหากษัตริย์ที่สามารถเลือกวุฒิสมาชิกได้เท่าจ านวนของสมาชิกสภาผู้แทน อันเป็นความเปลี่ยนแปลงจากเดิม
               ที่พฤฒสภามาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมจากสภาผู้แทน มาสู่พระราชอ านาจในการก าหนดตัวแทนของ

               พระมหากษัตริย์โดยตรงในการเข้าไปมีบทบาทร่วมในระบบรัฐสภา
                       ประการที่สาม ความเปลี่ยนแปลงต่อสมาชิกสภาผู้แทน สังเกตได้ว่ามาตรา 38 ได้เปลี่ยนวิธีก าหนดเกณฑ์

               อายุขั้นต่ าของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนให้เป็น 35 ปีจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 เดิมก าหนดไว้ที่ 23 ปี สะท้อนว่า
               รัฐสภาถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ต่อรองทางการเมืองของผู้มีอาวุโส หรืออย่างน้อยต้องเป็นสภาส าหรับผู้ที่มีอายุ

               มากขึ้นกว่าสภาชุดที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ชุด
               อุดมการณ์ทางการเมืองที่ปรากฎในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีแนวโน้มที่จะเป็นพื้นที่ของผู้ที่มีความ

               ประนีประนอมมากกว่าในสมัยที่ผ่านมา นอกจากนั้นตามมาตรา 70 ยังได้ขยายขอบเขตอ านาจในการตัดสินใจใน
               รัฐสภาให้วุฒิสภาสามารถท าได้เกือบเทียบเท่าสภาผู้แทนใน 7 ข้อดังต่อไปนี้

                              “มาตรา 70 ในกรณีต่อไปนี้ ให้รัฐสภาประชุมร่วมกัน
                                     (1) การให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติตามความในมาตรา 12

                                     (2) การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติกันใหม่ในมาตรา 30
                                     (3) พิธีเปิดประชุมรัฐสภาตามความในมาตรา 54

                                     (4) การลงมติความไว้วางใจในคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 77
                                     (5) การให้ความยินยอมในการประกาศสงครามตามความมาตรา 83

                                     (6) การให้ความเห็นชอบแก่หนังสือสัญญาตามความมาตรา 84

                                     (7) การตีความในรัฐธรรมนูญตามความในมาตรา 94”
                       เหตุที่ตั้งข้อสังเกตว่าความสัมพันธ์เชิงอ านาจของวุฒิสภาเทียบเท่ากับสภาผู้แทน อย่างน้อยที่สุดแล้ว
               สามารถสังเกตได้จากมาตรา 70 โดยเฉพาะในข้อ (1) (2) (4) อันเป็นการเปิดโอกาสให้วุฒิสภาผู้มาจากการแต่งตั้ง

               สามารถรุกล้ าขอบเขตการท างานนิติบัญญัติของสภาผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งด้วยขอบเขตอ านาจทางการเมืองที่
               เทียบเท่ากันทว่ามีความชอบธรรมทางการเมืองที่ต่างกัน รวมถึงวุฒิสภาทรงอ านาจเพียงพอที่จะลงมติไม่ไว้วางใจ

               คณะรัฐมนตรีให้พ้นจากต าแหน่งได้อีกด้วย
                       นอกจากนั้นเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาในมาตรา 70 (7) จะสังเกตได้ว่ารัฐสภามีอ านาจตีความรัฐธรรมนูญ

               เช่นนี้ย่อมหมายถึงการที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2490 ได้ยุบต าแหน่งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่เคยบัญญัติใน
               รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 เพื่อท าหน้าที่ตีความตามรัฐธรรมนูญโดยได้รับอ านาจจากการแต่งตั้งของสภาผู้แทน เมื่อ

               เปลี่ยนเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จึงได้จัดความสัมพันธ์เชิงอ านาจในตุลาการจ ากัดขอบเขตไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการ
   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119