Page 111 - 23154_Fulltext
P. 111

106


                       นอกจากนั้นยังมีประเด็นของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ท าหน้าที่ตีความรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นทางแพร่ง

               ระหว่างการให้ตุลาการที่มีความเป็นมืออาชีพในทางตุลาการตีความ กับการให้องค์กรที่มาจากการเลือกของสภา
               ผู้แทนแต่ละชุดที่เป็นตัวแทนอันยึดโยงกับประชาชนมาเป็นผู้วินิจฉัยรัฐธรรมนูญของประชาชนเอง แต่อย่างไรก็ตาม
               การเกิดขึ้นใหม่ขององค์กรทางการเมืองทั้งสองเองก็ยังสามารถมองได้ว่า ต่างก็อยู่ภายใต้อ านาจน าของสภา

               ผู้แทนราษฎรที่จะท าหน้าที่คัดสรรตัวแทนมารับหน้าที่ทางการเมืองได้ ไม่ว่าจะอ านาจตามมาตรา 90 ที่ก าหนดให้
               สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท าหน้าที่เป็นองค์การเลือกตั้งสมาชิกพฤฒสภา หรือคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีที่มา

               จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาตรา 89 การที่ทั้งสองต่างมีที่มาจากสภาผู้แทนจึงสามารถสังเกตได้ทั้งมุมของ
               ความชอบธรรมที่ยึดโยงกับความเป็นตัวแทนของประชาชน และในมุมกลับกันก็ตั้งข้อสังเกตได้ว่า การที่องค์กร

               เหล่านี้ต้องท างานสัมพันธ์กับสภาผู้แทนโดยองค์กรเหล่านั้นก็มีที่มาจากสภาผู้แทน ก็อาจเป็นการสร้างบรรยากาศ
               ต่อการรักษาอ านาจของสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจะเป็นการตรวจสอบกันอย่างเป็นมืออาชีพ



                       4.4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490

                       บริบททางการเมือง


                       ภายหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489 ดูเหมือนว่าการเมืองในระบบ
               รัฐสภาน่าที่จะลงหลักปักฐานและด าเนินไปอย่างมีเสถียรภาพได้ ทว่ากลับเกิดความผันผวนทางการเมืองในสมัย

               รัฐบาลของนายปรีดี ในช่วง พ.ศ. 2489 หมุดหมายส าคัญคือ เหตุการณ์สวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันท
               มหิดลด้วยทรงต้องพระแสงปืน รัฐบาลนายปรีดี จึงเผชิญกับข่าวลือเรื่องการปลงพระชนม์และความรับผิดชอบต่อ

               ความผันผวนจากสถานการณ์ดังกล่าว และส่งผลให้นายปรีดีลาออกในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ก่อนที่จะเป็น
               รัฐบาลต่อมาของพลเรือตรี ถวัลย์ ธ ารงนาวาสวัสดิ์ ซึ่งพรรคแนวรัฐธรรมนูญที่เขาเป็นหัวหน้าพรรคนั้นก็ถูกมองว่า
               เป็นพรรคของนายปรีดี จึงเป็นการเปิดโอกาสให้กองทัพอาศัยข้ออ้างจากความขัดแย้งในการเมืองในห้วงเวลา

               ดังกล่าวท าการรัฐประหารโดยกองบัญชาการทหารแห่งประเทศไทย น าโดยจอมพล ผิณ ชุณหะวัณ ยึดอ านาจจาก
               รัฐบาลหลวงธ ารงนาวาสวัสดิ์ในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 พร้อมทั้งประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.

               2490 (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 72-73)
                       อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2490 ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากผู้ส าเร็จราชการที่ลงนาม

               ให้ประกาศบังคับใช้มีเพียงผู้ส าเร็จราชการท่านเดียว คือ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ขณะที่พระยามานวราชเสรี ไม่ได้
               ร่วมลงนาม จึงส่งผลให้ผู้ลงนามไม่ครบ และรัฐธรรมนูญมีปัญหาในการบังคับใช้ (กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม,

               2562; ณัฐพล ใจจริง, 2556: 121) นอกจากนั้นบทบาทของกรมขุนชัยนาทนเรนทรยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นผล
               ละเมิดหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งในเรื่องของการยอมรับรัฐประหาร พ.ศ.

               2490 และการสนับสนุนต่อการท าลายรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 (ณัฐพล ใจจริง, 2556: 121)
                       ในขณะที่เมื่อพิจารณาบริบทของการร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2490 หลวงกาจสงคราม แกนน า

               รัฐประหาร พ.ศ. 2490 ได้ลักลอบจัดเตรียมรัฐธรรมนูญไว้ล่วงหน้าแล้วโดยซ่อนไว้ใต้ตุ่ม ซึ่งน ามาสู่ฉายาว่า
   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116