Page 106 - 23154_Fulltext
P. 106

101


               ชุดนี้ได้ด าเนินการมาอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลสมัยของนายควง อภัยวงศ์ รัฐบาลสมัยของนายทวี บุณยเกตุ และ

               รัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
                       บทบาทการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าวในข้างต้น หากจะ
               ประเมินสาระส าคัญของกระบวนการออกแบบรัฐธรรมนูญที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์เชิงอ านาจของการเมืองไทยใน

               ห้วงเวลานั้นแล้ว สามารถสังเกตได้ผ่าน 2 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นแรก การยกเลิกบทบัญญัติให้พระบรมวงศานุ
               วงศ์ต้องอยู่เหนือการเมือง มีการถกเถียงในชั้นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นของการอยู่เหนือการเมืองของ

               พระบรมวงศานุวงศ์ตามมาตรา 11 เนื่องด้วยผลของบรรยากาศการเมืองไทยที่เปิดกว้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่
               สอง ประกอบกับคณะราษฎรพยายามประนีประนอมกับกลุ่มกษัตริย์นิยมทั้งในเรื่องของการนิรโทษกรรมนักโทษ

               คดีการเมือง และการเปิดทางให้กลุ่มกษัตริย์นิยมสามารถกลับเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้อีกครั้ง (สมชาย
               ปรีชาศิลปกุล, 2561: 43) โดยข้อถกเถียงในประเด็นของความเหนือการเมืองของพระบรมวงศานุวงศ์แบ่งเป็นสอง

               ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายที่สนับสนุนให้ยกเลิกมาตรา 11 ตัวอย่างเช่น นายธรรมนูญ เทียนเงิน ส.ส. ชลบุรี เสนอว่า ความ
               เป็นเจ้าไม่สามารถลาออกได้ เช่นนั้นแล้วการที่เจ้าเข้ามาเล่นการเมืองจึงถือเป็นความเสียสละมากกว่า หรือ นาย
               เลื่อน พงษ์โสภณ ส.ส. นครราชสีมา ที่มองว่า ข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้ก าหนดเรื่องห้ามอยู่เหนือการเมือง ตรง

               ข้ามกับในทางปฏิบัติที่เจ้าท าหน้าที่ทางการเมืองในสภาวะที่ถูกยกให้เหนือการเมือง ซึ่งหากมีความขัดกันเช่นนี้ก็ไม่
               ควรมีบทบัญญัติจ ากัดอ านาจข้างต้น ทว่าในทางกลับกันก็มีกลุ่ม ส.ส. ที่คัดค้านการยกเลิกสถานภาพอยู่เหนือ

               การเมืองของพระบรมวงศานุวงศ์ อาทิ นายอินทูล วรกุล ส.ส. ล าปาง มองว่าข้อบัญญัติดังกล่าวเป็นการแบ่งแยก
               อ านาจไม่ให้เกิดการรวมอ านาจระหว่างพระบรมวงศานุวงศ์ที่เข้าสู่ต าแหน่งทางการเมืองกับอ านาจของ

               พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะน าไปสู่การปกครองระบอบเผด็จการภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือนายเทียม ไชยนันทน์ ที่
               อภิปรายเชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในโลกเพื่อสะท้อนว่า มีประเทศอื่นที่ไม่ให้เจ้ามีสิทธิในทางการเมือง หรือถึง

               ขั้นไม่มีเจ้าอีกเลย ขณะที่ไทยมีพิธีรีตองที่มากกว่าจึงต้องยกให้เหนือการเมือง หรือสามารถลาออกจากฐานันดรศักดิ์
               เสียก่อนจึงจะสามารถเล่นการเมืองได้เช่นเดียวกับประชาชน สอดคล้องกับ หลวงอรรถพรพิศาล ส.ส. ตราด หรือ
               นายทิม ภูริพัฒน์ ส.ส. ขอนแก่น ที่ต่างสนับสนุนให้คงมาตราว่าด้วยสถานภาพเหนือการเมือง เว้นเสียแต่ว่าจะมีการ

               ลาออกจากฐานันดรศักดิ์เสียก่อนจึงจะสามารถเล่นการเมืองได้เช่นเดียวกับบุคคลสามัญ (สมชาย ปรีชาศิลปกุล,
               2561: 43-47) อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการลงมติปรากฎว่าเสียงข้างมากของที่ประชุมลงความเห็นให้น า

               บทบัญญัติว่าด้วยสถานภาพอยู่เหนือการเมืองของพระบรมวงศานุวงศ์ออกจากรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญ
               พ.ศ. 2489 เป็นจุดเริ่มต้นของการยุติข้อจ ากัดให้พระบรมวงศานุวงศ์ให้อยู่เหนือการเมืองตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้

               เป็นต้นมา
                       ประเด็นที่สอง การปรับโครงสร้างสภานิติบัญญัติจากระบบสภาเดียวให้เป็นระบบสภาคู่เป็นครั้งแรกใน

               ประวัติศาสตร์ด้วยการให้มี “พฤฒสภา” ซึ่งถูกจัดวางในความสัมพันธ์เชิงอ านาจให้เป็นกลไกที่จะขจัดอ านาจของ
               ฝ่ายทหารออกจากการเมือง นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรกที่มีการก าหนดให้มีคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญ โดย
               กลไกที่ก าหนดเข้ามาใหม่เหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะแก้ปัญหาการเมืองไทยในห้วงเวลานั้น (บัณฑิต จันทร์โรจน

               กิจ, 2563: 71)
   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111