Page 109 - 23154_Fulltext
P. 109

104


                       ทั้งนี้ก าหนดระยะเวลาของมาตรา 54 ให้พฤฒสภามีระยะเวลาพิจารณา 30 วัน แต่ถ้าเป็นพระราชบัญญัติ

               การเงินให้มีระยะเวลา 15 วัน ซึ่งถ้าหากไม่ได้พิจารณาภายในระยะเวลาดังกล่าวจะถือว่าพฤฒสภาเห็นชอบ ซึ่งเป็น
               การก ากับควบคุมการท าหน้าที่ของพฤฒสภาให้ท าหน้าที่นิติบัญญัติอย่างสอดคล้องกับความส าคัญของประเด็นที่
               ร่างกฎหมายฉบับนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมายการเงินอันเป็นความเร่งด่วนที่ต้องบัญญัติก็ยิ่งเป็นการตีกรอบ

               จ ากัดภายใน 15 วันเพื่อให้พฤฒสภาไม่ฉุดยื้อระยะเวลาพิจารณากฎหมายการเงินจนเกิดความเดือดร้อนต่อ
               ประเทศ ขณะเดียวกันก็ไม่เร่งรัดระยะเวลาจนจะส่งผลต่อการผ่านกฎหมายโดยรอบคอบ

                       นอกจากนี้การที่มีการก าหนดชัดเจนในรัฐธรรมนูญในมาตรา 56 ว่าด้วยอ านาจของสภาผู้แทนและพฤฒ
               สภาในควบคุมราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ประกอบกับมาตราว่าด้วยบทบาทและอ านาจเชิงนิติ

               บัญญัติของพฤฒสภา
                       แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ได้บัญญัติเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสภาวะคล่องตัวในการเปลี่ยน

               ผ่านทางการเมืองยิ่งขึ้นก็คือ การตั้งบทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 85 ดังนี้
                       “มาตรา 85 รัฐธรรมนูญนี้จะแก้ไขเพิ่มเติมได้แต่โดยเงื่อนไขต่อไปนี้

                       (1) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องมีสมาชิกไม่ต่ ากว่า
               1 ใน 4 ของจ านวนสมาชิกทั้งหมด

                       (2) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ให้รัฐสภาพิจารณาร่วมกัน 3 วาระ
                       (3) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่ 1 ชั้นรับหลักการให้ใช้วิธีเรียกชื่อ และต้องมีเสียงเห็นชอบด้วยใน

                       การแก้ไขเพิ่มเติมนั้นไม่ต่ ากว่า 2 ใน 3 แห่งจ านวนสมาชิกทั้งสองสภา”
                       (4) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สอง ชั้นพิจารณาเรียงมาตรา ซึ่งมีค าเสนอให้แก้ไขแปรญัตติ หรือซึ่ง

               มีการแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการ ให้ถือเอาเสียงข้างมากเป็นประมาณ
                       (5) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอ 15 วัน เมื่อพ้นก าหนดแล้วต้องน าเสนอรัฐสภาเพื่อ

               น าเสนอในวาระถัดไป
                       (6) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่ 3 ชั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและต้องมีเสียงเห็นชอบด้วยในการที่

               จะให้ออกใช้เป็นกฎหมายไม่ต่ ากว่า 2 ใน 3 แห่งสมาชิกรัฐสภา
                       (7) เมื่อการออกเสียงลงมติได้เป็นไปตามที่กล่าวข้างบนนี้แล้ว จึงให้ด าเนินต่อไปตามความในมาตรา 20”



                       ท้ายสุดแล้วในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 แม้ว่าตามบทบัญญัติมาตรา 86 ยังคงก าหนดให้ “รัฐสภาทรงไว้ซึ่ง
               สิทธิเด็ดขาดในการตีความแห่งรัฐธรรมนูญนี้” เพื่อท าหน้าที่ตีความตามมาตรา 87 ว่าด้วยหลักความสูงสุดของ
               รัฐธรรมนูญ ให้ข้อกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญถือว่าบทบัญญัตินั้นบังคับใช้มิได้ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับ

               นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่รัฐธรรมนูญมีการบัญญัติให้มี “คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ” ดังบัญญัติไว้ตามมาตรา
               89

                              “มาตรา 89 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญประกอบด้วยบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐสภาแต่งตั้งขึ้นเป็น
                       ประธานตุลาการคนหนึ่งและตุลาการอีกสิบสี่คน
   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114