Page 116 - 23154_Fulltext
P. 116
111
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่บัญญัติชื่อเรียกระบอบการ
ปกครองว่าเป็น “ระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” อย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ
ไทย สัมพันธ์พระราชอ านาจพระมหากษัตริย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ในกระบวนการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พบข้อถกเถียงมีฝ่ายที่สนับสนุน อย่างเช่น เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาร่าง
รัฐธรรมนูญ ที่ได้ให้เหตุผลสนับสนุนว่าพระราชอ านาจแต่งตั้งวุฒิสภาโดยมีประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนอง
นั้นเป็นไปเพื่อให้การเลือกวุฒิสภาเป็นอิสระจากพรรคการเมือง หรือหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชที่ได้โต้แย้งว่า
รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทแบบ
ประมุขของรีปัปลิค และการใช้อ านาจของระมหากษัตริย์ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ขณะที่ฝ่ายโต้แย้งเสนอ
มุมมองต่อปัญหาจากการขยายขอบเขตพระราชอ านาจ ตัวอย่างเช่น นายชื่น ระวิวรรณ ส.ส. หนองคาย และนาย
บุญมี ปารณมวงศ์ ส.ส. ลพบุรี มองว่าวุฒิสภาที่แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์จะไม่สอดคล้องกับหลักอ านาจอธิปไตย
จากปวงชนชาวไทย และท าให้เกิดลัทธิอันแปลกประหลาดจากรัฐธรรมนูญ หรือนายฟื้น สุวรรณสาร รัฐมนตรี มอง
ว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญมีเจตนาเหนี่ยวรั้งให้พระมหากษัตริย์เข้ามาพัวพันกับการเมืองมากเกินสมควรอันจะส่งผลต่อ
พระเกียรติและพระราชฐานะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลการลงคะแนนในประเด็นของพระราชอ านาจการแต่งตั้ง
วุฒิสภาก็ได้ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 68 ต่อ 25 เสียง ซึ่งก็ได้ส่งผลเปลี่ยนแปลงสถานะไปจากที่เคยมี
บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ว่าด้วยสถานะอยู่เหนือการเมืองของพระบรมวงศานุวงศ์ สู่การยกเลิกสถานะ
เหนือการเมืองในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 และการเพิ่มบทบาทแต่งตั้งวุฒิสภาในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ก็เป็นสิ่ง
ยืนยันได้ถึงความส าเร็จของพลังจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่สามารถรื้อฟื้นพระราชอ านาจของพระมหากษัตริย์ได้มากขึ้น
แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงอ านาจที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่พระมหากษัตริย์เข้ามามีบทบาททางการเมือง
ในการคานอ านาจในความสัมพันธ์เชิงอ านาจผ่านตัวแทนที่มาจากการแต่งตั้งโดยตรงจากอ านาจที่ได้รับความชอบ
ธรรมในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 โดยที่สังคมเองก็ก าลังถูกครอบง าและกล่อมเกลาด้วยรัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมที่
พยายามสร้างฉันทามติต่อการขยายอ านาจของพระมหากษัตริย์ให้เหนือกว่าขอบเขตที่คณะราษฎรเคยก ากับไว้ด้วย
รัฐธรรมนูญในอดีต (สมชาย ปรีชาศิลปกุล, 2561)
โครงสร้างและอ านาจหน้าที่ของรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
เนื้อหาตัวบทของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 เป็นความพยายามของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
กษัตริย์นิยมที่ต้องการรื้อฟื้นพระราชอ านาจอันเป็นโครงการที่ด าเนินต่อเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.
2490 ประกอบกับความส าเร็จในการสร้างฉันทามติทางสังคมให้โน้มเอียงไปทางสนับสนุนการขยายขอบเขตพระ
ราชอ านาจ ส่งผลให้กระบวนการท างานของสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการต่อรองทางการเมืองในรัฐสภา (ที่
เป็นการประนีประนอมกับคณะรัฐประหารอีกล าดับ) ส่งผลให้การสนับสนุนของเสียงส่วนมากของรัฐสภาเห็นชอบ
ต่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 อันเป็นหมุดหมายส าคัญของการขยายพระราชอ านาจภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยจะอภิปรายต่อไปผ่านรูปแบบของความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภา
และสถาบันการเมืองส าคัญของไทยสัมพันธ์ต่อกันใน 3 รูปแบบ ดังต่อไปนี้