Page 115 - 23154_Fulltext
P. 115

110


               ตีความรัฐธรรมนูญ และย้ายอ านาจตีความดังกล่าวให้เป็นของรัฐสภาตามมาตรา 94 โดยมีวุฒิสภาจ านวนครึ่งหนึ่ง

               ของรัฐสภาคอยคานอ านาจของสภาผู้แทนในการตีความรัฐธรรมนูญ
                       สรุป


                       รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับคณะรัฐประหารที่
               อาศัยความผันผวนในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เช่นนี้แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2490 แม้ว่าจะ
               ยังคงระบบสภาคู่ ทว่าปรากฎเป็นการก าหนดสัมพันธภาพทางการเมืองที่ก าหนดสมดุลขึ้นใหม่ด้วยวิธีการแต่งตั้ง

               ตัวแทนโดยตรงจากพระมหากษัตริย์เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองทั้งในส่วนของอภิรัฐมนตรีเหมือนกับที่เคยมี
               ในสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เพื่อท าหน้าที่ถวายค าปรึกษาส่วนพระองค์ และยังมีพระราชอ านาจแต่งตั้ง

               วุฒิสภาในสัดส่วนเท่ากับสภาผู้แทน โดยที่ทั้งคู่มีอ านาจในระบบรัฐสภาเทียบเท่ากันในส่วนของอ านาจตัดสินใจ
               ส าคัญภายในระบบรัฐสภา ได้แก่ การให้ความคิดเห็นต่อการสืบราชสมบัติ การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติใหม่ การ

               ลงมติไว้วางใจรัฐมนตรี การให้ความยินยอมต่อประกาศสงครามหรือหนังสือสัญญา และอ านาจตีความตาม
               รัฐธรรมนูญที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในขอบเขตอ านาจของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้จึงสังเกตได้ว่า

               ความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาเป็นไปในทางเสมอกันในอ านาจ แต่ในแง่ของที่มาของการเข้าสู่อ านาจนั้น
               กลับเป็นค าถาม เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง กลับมีอ านาจเทียบเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนที่มาจาก
               การเลือกตั้งของประชาชน



                       4.5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492


                       บริบททางการเมือง

                       หลังจากรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ

               ชั่วคราว) พ.ศ. 2490 และหลังจากที่มีการเลือกตั้งในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 พรรคประชาธิปัตย์ชนะการ
               เลือกตั้งและสามารถตั้งรัฐบาล ท าให้เกิดบรรยากาศทางการเมืองที่มีผลต่อความร่วมมือทางการเมืองกันชั่วคราว
               อย่างไรก็ตาม ได้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองจากการแต่งตั้งบุคลากร เช่น สมาชิกวุฒิสภา บุคคลที่จะด ารง

               ต าแหน่งในรัฐวิสาหกิจ หรือการโยกย้ายต าแหน่งทหารมาเป็นต ารวจ (บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, 2563: 84; สุธาชัย
               ยิ้มประเสริฐ, 2553: 122-123) ผลต่อเนื่องจึงเป็นการรัฐประหารในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2491 เพื่อเปลี่ยนย้าย

               อ านาจกลับไปที่คณะรัฐประหาร โดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง พร้อมกับมี
               ความพยามในการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกระบวนการจัดท าของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง

               จากรัฐสภา ในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
               จ านวน 40 คน แบ่งเป็น จากสมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนสภา สภาละ 10 คน  และจากบุคคลภายนอกที่มา

               สมัครเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ 4 ประเภท ประเภทละ 5 คน ได้แก่ ประเภทผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไป
               ประเภทผู้เคยด ารงต าแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดีหรือเทียบเท่า ประเภทผู้เคยด ารงต าแหน่งพฤฒสภาหรือรัฐมนตรี
               และประเภทผู้จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รวม 20 คน เพื่อท าหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญภายใน 180 วัน
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120