Page 131 - 23154_Fulltext
P. 131
126
“มาตรา 16 ก่อนตั้งคณะรัฐมนตรี หัวหน้าคณะปฏิวัติปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีและ
นายกรัฐมนตรี”
นอกจากนั้นกฎหมายมาตราส าคัญที่สะท้อนความเป็นระบอบเผด็จการในสมัยของรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์
อย่างมีนัยส าคัญก็คือ มาตรา 17 ดังมีเนื้อความต่อไปนี้
“มาตรา 17 ในระหว่างที่ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการระงับ
หรือปราบปรามการกระท าอันเป็นการบ่อนท าลายความมั่นคงของราชอาณาจักรหรือราชบัลลังก์ หรือการกระท า
อันเป็นการบ่อนท าลาย ก่อกวน หรือคุกคามความสงบที่เกิดขึ้นภายใน หรือมาจากภายนอกราชอาณาจักร ให้
นายกรัฐมนตรีโดยมติของคณะรัฐมนตรีมีอ านาจสั่งการ หรือกระท าการใด ๆ ได้ และให้ค าสั่งหรือการกระท า
เช่นนั้นเป็นค าสั่งหรือการกระท าที่ชอบด้วยกฎหมาย”
บทบัญญัติข้างต้นจึงเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์เชิงอ านาจภายใต้ระบอบเผด็จการทหารที่รวมศูนย์
อ านาจในการตัดสินใจโดยตัดทอนอ านาจของฝ่ายนิติบัญญัติให้มาอยู่ภายใต้การตัดสินใจของฝ่ายบริหารเพียงฝ่าย
เดียว โดยอ้างเงื่อนไขการใช้อ านาจภายใต้สถานการณ์ที่ถูกประเมินว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งรัฐ
สรุป
การพิจารณาธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502 ในส่วนนี้จะเป็นการพิจารณาผ่านบริบททาง
ประวัติศาสตร์ การเมือง และตัวบทของรัฐธรรมนูญ โดยเริ่มจากส่วนของบริบททางประวัติศาสตร์การเมืองใน
ภาพรวมที่เป็นความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในปลายยุคของจอมพล ป. ที่เผชิญกับการต่อต้านทางการเมืองจาก
สาธารณะหลังจากพยายามฟื้นฟูประชาธิปไตยและขยายขอบเขตเสรีภาพทางการเมืองในพื้นที่สาธารณะและ
สื่อมวลชน รวมถึงความล้มเหลวของจอมพล ป. ในการสร้างความเป็นสถาบันการเมืองของระบบพรรคการเมือง
และไม่สามารถแข่งขันในการเลือกตั้งด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการยึดอ านาจของ
กองทัพ ผลที่ตามมาจึงเป็นความพยายามของกองทัพที่น าโดย จอมพลสฤษดิ์ ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของความสัมพันธ์เชิงอ านาจของระบบรัฐสภาที่อ านวยต่อการรักษาเสถียรภาพทางการ
เมือง โดยจะเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญจ านวน 240 คนที่มาจากการแต่งตั้งของ
พระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ก าลังยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ระบอบประชาธิปไตยที่ต้องเผชิญจากการถูกละ
เว้นจากการปกครองระบอบประชาธิปไตยและแทนที่ด้วยระบอบเผด็จการ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
พ.ศ. 2502 ได้สร้างความสัมพันธ์เชิงอ านาจรูปแบบใหม่ที่รวมศูนย์อ านาจทางการเมืองไว้ที่นายกรัฐมนตรีโดยอ้าง
ภัยความมั่นคงเป็นเงื่อนไขในการประกาศใช้ตามมาตรา 17 การใช้งานอ านาจตามาตรานี้จึงไม่เพียงแต่ประเด็น
ใหญ่ระดับนโยบาย หากแต่สามารถสั่งการในประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงได้ด้วย อาทิ การสั่ง
ประหารจากกรณีกบฏผีบุญ การลงโทษประหารชีวิตผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เช่น กรณีของ
นายศุภชัย ศรีสติ หรือครูครอง จันดาวงศ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นขบถแบ่งแยกดินแดน ที่ยุยงปลุกปั่นให้คนในพื้นที่