Page 124 - 22825_Fulltext
P. 124

2-84



                  และต่อเนื่อง หลักการอยู่ร่วมกันของชุมชนในสังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทยตามหลักการทางศาสนาและ
                  หลักสิทธิมนุษยชน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือหลักการอยู่ร่วมกันของแต่ละศาสนาแม้จะมีลักษณะเฉพาะของ
                  ค าสอนที่แตกต่างกันแต่มีหลักการที่ใกล้เคียงกัน เช่น หลักศีล 5 ในพระพุทธศาสนา บัญญัติ  10 ประการใน

                  ศาสนาคริสต์ หลักศรัทธา 6 ประการในศาสนาอิสลาม เป็นต้น ขณะที่มีผลการวิจัยสอดคล้องกัน คือการอยู่
                  ร่วมกันอย่างสันติ การปฏิบัติตามหลักธรรมค าสั่งสอนของในศาสนาของตนเอง การเคารพในสิทธิเสรีภาพของ
                  กันและกัน และการมีกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างคนในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสิทธิ

                  มนุษยชนที่เน้นการเคารพในสิทธิและเสรีภาพของกันและกัน ในฐานะที่ทุกคนเป็นมนุษย์ด้วยกันโดยทุกคนใน
                  สังคมต้องให้ความส าคัญต่อสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์และพลเมืองตามที่บัญญัติไว้ใน
                  กฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศประเด็นสุดท้ายหลักการและวิธีการอยู่ร่วมกันของคนใน
                  สังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทยกับการสร้างมั่นคงทางสังคม จึงตั้งอยู่บนแนวทางที่พึงประสงค์ส าหรับการ
                  อยู่ร่วมกันของคนในสังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย คือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

                  การอยู่ร่วมกัน มีกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และการสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่คน องค์กร และส่วนร่วมใน
                  สังคม โดยค านึงถึงความสงบสุขของประเทศชาติเป็นส าคัญ (ยุทธนา นรเชฏฺโฐ และจุฑารัตน์ ทองอินจันทร์,
                  2562) สอดคล้องกับการศึกษาของ อุดร หลักทอง (2558) พบว่า ลักษณะเฉพาะของชุมชนพหุวัฒนธรรมมี

                  ลักษณะเฉพาะด้านการนับถือศาสนา และความเชื่อในลัทธิต่าง ๆ ได้แก่ ชุมชนกุฎีจัน (คริสต์) ชุมชนวัด
                  กัลยาณมิตร ( พุทธและลัทธิขงจื้อ ) และชุมชนกุฎีขาว (อิสลาม) ลักษณะความเป็นพหุวัฒนธรรมในชุมชนทั้ง 3
                  ชุมชน คือ ชุมชนกุฎีจีน ชุมชนวัดกัลยาณมิตรและชุมชนกุฎีขาว เป็นชุมชนที่ก่อเกิดจากการรวมของคนที่มีเชื้อ
                  ชาติ ศาสนา และความเชื่อที่แตกต่างกันและอพยพมาตั้งรกรากในย่านเดียวกันได้แก่ ไทย แขก จีน ฝรั่ง ญวน

                  มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ชุมชนทั้ง 3 ชุมชน มีศาสนาและความเชื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจ มีศาสนสถานเป็น
                  ศูนย์กลางของชุมชน ประกอบกับศาสนกิจที่ท าให้คนในชุมชนมีปฏิสัมพันธ์กัน จึงท าให้มีการพูดคุย
                  ปรึกษาหารือในเรื่องต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการฟื้นฟูและรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชุมชนทั้ง 3 ชุมชน มีการรักษาไว้
                  ซึ่งเอกลักษณ์ของชุมชนได้อย่างเข้มแข็ง โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ รวบรวมขนบธรรมเนียมประเพณีเป็น

                  แนวทางในการสร้างกิจกรรมให้เยาวชนมีส่วนร่วมสืบทอดภูมิปัญญา และประเพณีของชุมชนต่อไป ในการใช้
                  สิทธิชุมชนและข้อบัญญัติชุมชน ทั้ง 3 ชุมชน ไม่มีการก าหนด กฎ กติกาหรือบัญญัติของชุมชน โดยแสดงให้เห็น
                  ว่า คนในชุมชนย่านนี้ อยู่ร่วมกันแบบเครือญาติ จึงไม่มีความจ าเป็นที่จะต้องก าหนดกฎกติกาขึ้นมาบังคับใช้กับ
                  คนในชุมชน คนในชุมชนยึดหลักความเชื่อในแต่ละศาสนาเป็นแนวทางในการด าเนินชีวิต (อุดร หลักทอง,

                  2558)
                             จากมุมมองด้านพหุวัฒนธรรมที่กล่าวมาข้างต้น คณะรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความ
                  มั่นคง ด้านศาสนาและวัฒนธรรม ควรมีนโยบายในการส่งเสริม สนับสนุนการอยู่ร่วมกันของในสังคมพหุ
                  วัฒนธรรมในประเทศไทยอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายด้านความมั่นคงและศาสนา

                  ศิลปวัฒนธรรม ควรมีความชัดเจนในการสนับสนุนส่งเสริมทั้งยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ และแนวทางการด าเนินงาน
                  ที่ชัดเจน เพื่อให้คนหรือชุมชนที่มีความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ลด
                  ความหวาดระแวง ความไม่ไว้วางใจ และการแทรกแซงระหว่างกัน (ยุทธนา นรเชฏฺโฐ และจุฑารัตน์ ทองอิน
                  จันทร์, 2562) ควรมีนโยบายเกี่ยวกับส่งเสริมการบริหารจัดการชุมชนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งก าหนดกิจกรรม

                  การพัฒนาศักยภาพผู้น าชุมชน มีการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการบริหารจัดการภายใน
                  ชุมชน และการจัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนให้แก่ผู้น าชุมชน เพื่อเป็นขวัญและก าลังใจ รวมถึงผลักดัน
                  รูปแบบการให้ความรู้ด้านการบริหารจัดแก่ผู้น าชุมชน และประชาชน การพัฒนาชุมชนควรลงพื้นที่อย่าง

                  ต่อเนื่องเพื่อติดตามสถานการณ์ในชุมชนที่รับผิดชอบ สร้างความใกล้ชิดระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนมากขึ้น
   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129