Page 118 - 22825_Fulltext
P. 118
2-78
ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงมีขึ้นเพื่อคุ้มครองในเรื่องนี้ และเป็นการบัญญัติที่
สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของไทยแล้ว เช่นเดียวกันกับค าอธิบายของรายงานของ ARTICLE19 (2564) ที่ระบุ
ข้อความของมาตรา 112 ในปัจจุบันว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย
พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้ส าเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง
15 ปี”
อีกทั้งในค าวินิจฉันส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ หลายท่านให้ความเห็นในลักษณะที่
ตีความมาตรา 112 ไปถึงการคุ้มครองการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆมิได้อีกด้วย เช่นการที่ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 ไม่มีบทบัญญัติยกเว้นความผิดตามมาตรา 329 หรือยกเว้นโทษตามมาตรา 330 ดังเช่น ความผิด
ฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาตามมาตรา 326 เนื่องจากพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้ส าเร็จ
ราชการแทนพระองค์มีฐานะพิเศษแตกต่างจากบุคคลธรรมดา หากให้มีการแสดงความคิดเห็นและการ
วิพากษ์วิจารณ์โดยมีบทยกเว้นความผิด ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลอาศัยช่องทางดังกล่าววิพากษ์วิจารณ์
ได้
การบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 หากมีการละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ หมิ่นประมาท วิพากษ์วิจารณ์
ทั้งในทางรัฐธรรมนูญ เช่น การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเลิกล้างสถาบันกษัตริย์ หรือในทางกฎหมายอาญา ใน
รูปการกล่าวหา จับกุม หรือฟ้องร้องทางอาญา หรือทางแพ่ง แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์โดยตรง แต่
เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ต่างๆ หรือบุคคลที่เป็นตัวแทนของกษัตริย์ก็ถือเป็นความผิดต่อพระบรมเดชานุภาพของ
กษัตริย์ได้ เพราะถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้ที่มีสถานะสูงสุดทางสังคม และกระทบกระเทือนต่อโครงสร้างของ
สังคมศักดินา (นพพล อาชามาส, 2557) อาจสรุปได้ว่า จ านวนคดีและการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 112
หมายถึง อัตราการเกิดขึ้นจากการหมิ่นประมาท วิพากษ์วิจารณ์ เรียกร้องการปฏิรูปทางการเมือง และการลด
อ านาจสถาบันกษัตริญ แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์โดยตรง
จ านวนผู้ถูกกักขังที่รอการพิพากษาในสัดส่วนของประชากรในเรือนจ า หมายถึง อัตรา
ของประชากรในเรือนจ าตามรายงานที่สรุปโดยกรมราชทัณฑ์ (2562) คือ ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี โดย
บุคคลดังกล่าวถูกจ ากัดเสรีภาพ ซึ่งค านิยามผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีตามความหมายของพระราชบัญญัติ
ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 หมายถึง บุคคลที่ถูกขังไว้ตามหมายขัง โดยหมายขังเป็นหมายอาญาชนิดหนึ่งตาม
ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 (9) ผู้มีอ านาจออกหมายขังดังกล่าว คือ ศาล (ส านักงาน
คณะ กร ร ม กา ร กฤษฎี กา , 2562) แ ล ะ ก า ร ค ว บ คุ ม ตั ว ร ะ ห ว่ า ง ค ดี คื อ
การจ ากัดเสรีภาพในร่างกายหรือเสรีภาพในการเคลื่อนไหวเปลี่ยนที่ของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท าผิด เพื่อเป็น
หลักประกันส าหรับรัฐในการด าเนินคดีชั้นก าหนดคดีหรือหลักประกันส าหรับรัฐ ใน
การด าเนินคดีชั้นบังคับคดี โดยหลักประกันส าหรับรัฐทั้งสองประการดังกล่าว หมายถึงการควบคุมและการขัง
(พิมพร รุ่งทิฆัมพรชัย, 2558)
มุมมองและความแตกต่างในการยอมรับความหลากหลาย การเลือกปฏิบัติ การเคารพสิทธิมนุษยชน
รวมถึงการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก
1) มุมมองต่อการยอมรับให้บุคคลที่มีลักษณะแตกต่างจากคนทั่วไปมีบทบาททางสังคมและ
การเมือง
สิทธิมนุษยชนเป็นสากลและไม่สามารถถ่ายโอนกันได (Universality & Inalienability)
หมายความว่า สิทธิมนุษยชนนั้นเป็นของคนทุกคน ไม่มีพรมแดน คนทุกคนมีสิทธิมนุษยชน ทั้งสิทธิพลเมือง
สิทธิทางการเมือง สิทธิทางเศรษฐกิจ และสิทธิทางสังคมและวัฒนธรรม เพราะโดยหลักการแลว คนทุกคนยอม
ถือว่าเป็นคน ไม่วาจะมีเชื้อชาติ สัญชาติ ถิ่นก าเนิดใดก็ตาม ยอมมีสิทธิมนุษยชนประจ าตัวของทุกคน จึงเรียก