Page 41 - 22665_Fulltext
P. 41
24
การใช้ความรุนแรงในการจัดการกับปัญหาไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดในระยะยาวต่อทุก
ฝ่าย ก่อให้เกิดผลเสียต่อทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ผลเสีย
ทางด้านจิตใจเป็นบาดแผลที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยา เราจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบใน
จังหวัดชายแดนภาคใต้และความรุนแรงทางการเมืองไทยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีคนจ านวนไม่
น้อยที่รู้สึกเจ็บช้ าน้ าใจ โกรธ เกลียดชังจากการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น การสูญเสียชีวิตของคนหนึ่ง
คนเกิดผลกระทบกับคนในครอบครัวและชุมชนตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิด
ความรุนแรงที่มีคนสูญเสียเป็นจ านวนมากส่งผลกระทบทั้งในด้านของการสูญเสียแรงงานอันเป็นปัจจัย
ส าคัญต่อการผลิต และยังกระทบต่อเงินงบประมาณแผ่นดินที่ต้องน าไปชดเชยเยียวยา ตัวอย่างของ
ความรุนแรงทางตรงในสังคมไทย เช่น เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวจากข้อมูลกรมกิจการสตรี
และสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ านวนเหตุการณ์ความ
รุนแรงในครอบครัวปี 2557-2559 โดยเฉลี่ยมีจ านวน 1,262 รายต่อปี ในส่วนของจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ผู้เสียชีวิตในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา มากกว่า 7 พันคน ในส่วนของความรุนแรงทางการเมือง
เป็นพลวัตแปรเปลี่ยนไปตามบริบทและสถานการณ์ มิได้หยุดนิ่งอยู่กับที่บางช่วงจะมีเหตุการณ์ความ
รุนแรงที่ชัดเจน แต่บางช่วงอาจเป็นช่วงที่ก่อตัวสะสมปัญหาโดยความรุนแรงยังไม่เกิดขึ้น ส าหรับ
ปรากฏการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ.2549-2557 มีผู้เสียชีวิต 133 ราย
ผู้บาดเจ็บมากกว่า 2,000 ราย ผู้ต้องคดีอีก 1,450 รายและมีผู้ที่ทรัพย์สินเสียหายมากกว่า 3,000 ราย
ในขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบเองก็ต้องเผชิญกับความยากล าบากในการด ารงชีวิตของตนและครอบครัว
อีกด้วย (คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ, 2558)
การจัดการกับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเรื้อรังและความรุนแรงที่เกิดขึ้นจ าเป็นต้องเน้นการ
จัดการกับปัญหาให้เกิดความยั่งยืน (Azar, 1991) เห็นว่าการจัดการความขัดแย้งที่เรื้อรัง (Protracted
Conflict) ที่เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่สามารถใช้การจัดการความขัดแย้งทางการทหาร
ที่เน้นยุติความขัดแย้งชั่วคราว โดยปราศจากการเข้าไปจัดการกับความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์
เช่น ความรู้สึกปลอดภัย อัตลักษณ์ การมีส่วนร่วม ความเท่าเทียมกัน เป็นต้น (Galtung, 1996) เสนอ
วงจร 3 แนวทางในการจัดการความขัดแย้งประกอบด้วย (1) การแก้ปัญหาที่รากเหง้าที่ระดับ
โครงสร้าง (2) การฟื้นฟูบูรณะผู้คน สังคม สังคมภายหลังการเผชิญความรุนแรงทางตรง (3) การ
สมานฉันท์ระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกัน ความรุนแรงมีต้นทุนก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ถ้ายุติ
ความรุนแรงได้ก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในวงกว้าง การจัดการความขัดแย้งต้องท าควบคู่กันไปใน
หลายระดับด้วยการลดพฤติกรรมความขัดแย้งให้น้อยลง การเปลี่ยนทัศนคติ และแปรเปลี่ยน
ความสัมพันธ์ ความรุนแรงทางตรงที่เกิดขึ้นที่เห็นความรุนแรงได้ชัดเจน สามารถยุติได้ด้วยการเปลี่ยน
พฤติกรรมเพื่อน าไปสู่การลดความขัดแย้ง ความรุนแรงเชิงโครงสร้างยุติได้โดยแปรเปลี่ยนโครงสร้าง
และความไม่เป็นธรรม และความรุนแรงทางวัฒนธรรมยุติได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ดีต่อกัน