Page 23 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 23

และมารยาท หรือจารีตประเพณีทางการปกครองเข้าช่วย แต่หลายครั้งหลายโอกาส กฎเกณฑ์และจารีตเหล่านี้

                                                                                       44
               ไม่เพียงพอหรือไม่ถูกเคารพ การใช้กฎหมายเป็นเกณฑ์ระงับข้อพิพาทจึงเป็นเรื่องจ าเป็น
                       ตุลาการภิวัตน์  (judicialization of politics) จึงเป็นเรื่องของโครงสร้างรัฐธรรมนูญ การออกแบบ

               กฎหมายให้องค์กรตุลาการเข้ามาแทรกแซงการเมืองได้

                       ส่วนตุลาการภิวัตน์  (judicial activism) หมายถึงการที่ผู้พิพากษาเองมีความเชื่อว่าองค์กรตุลาการ

               ต้องใช้กฎหมายอย่างก้าวหน้ากว่าบรรทัดฐานที่เป็นอยู่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองหรือสังคม
               ตุลาการภิวัตน์  (judicial activism) จึงเป็นเรื่องของทัศนคติของผู้พิพากษา ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงในกฎหมาย
                                                                                                        45

                       การขยายขอบเขตการตีความของตนออกไปนั้น องค์กรตุลาการอาจเกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
               หนึ่ง คือ ค าพิพากษานั้นอาจมีลักษณะขัดหรือแย้งกับเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน (anti-majoritarian) เช่นนี้แล้ว

               ย่อมเกิดความตึงเครียดขัดแย้งขึ้น สอง คนส่วนใหญ่อาจเห็นด้วยกับค าพิพากษา ศาลตัดสินตามความต้องการ
               ของปวงชน (representative) เมื่อฝ่ายการเมืองเองไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชนเองได้ และ

               สุดท้ายคือค าพิพากษานั้นก้าวหน้าเกินกว่าที่สังคมจะตามทัน (enlightened) ในบทบาทนี้ ศาลเป็นผู้ชี้น าสังคม
                                                                                                    46
               ให้ขับเคลื่อนให้ทันกับที่ศาลวินิจฉัยไว้ จะเห็นว่าผลลัพธ์ของตุลาการภิวัตน์ นั้นอาจเป็นได้ทั้งบวกและลบ  และ
               เมื่อศาลพยายามจะ judicialize การเมือง ตัวศาลเองก็อาจจะถูกการเมืองแทรกแซงจนสูญเสียสถานะคนกลาง

                               47
               ที่น่าเชื่อถือในที่สุด  ในด้านประชาธิปไตยเอง ตุลาการภิวัตน์ ถูกวิจารณ์ว่า ท าให้การเมืองย้ายจากเรื่องของ
               ประชาชน (we, the people) ไปสู่การเมืองของนักนิติศาสตร์ (they, the jurists) แทน ทั้งที่ไม่มีความชอบ

               ธรรมเพียงพอจะตัดสินใจในเรื่องส าคัญของรัฐได้ทั้งหมดเช่นนั้น
                                                                   48
                       ในประเทศไทย ตุลาการภิวัตน์ เริ่มต้นขึ้นในรัฐธรรมนูญ 2540 การก าเนิดขึ้นของศาลกฎหมายมหาชน

               ทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครอง เพื่อเข้ามาตรวจสอบฝ่ายการเมืองและฝ่ายปกครอง สถาบันตุลาการ
                                                       49
               กลายเป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย  ศาลรัฐธรรมนูญเองมีเขตอ านาจทั้งพิจารณาความชอบด้วย
               รัฐธรรมนูญของกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ออก พร้อมกับยังมีหน้าที่ระงับข้อพิพาททางการเมือง ทั้งข้อ

               พิพาทด้านเขตอ านาจ ข้อพิพาทด้านคุณสมบัติ ในแง่นี้ ตุลาการณ์ภิวัตน์ของรัฐธรรมนูญ 2540 คือ judicialization
               of politics แต่หลังจากปี 2549 สถาบันตุลาการก้าวเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองมากยิ่งขึ้น การตีความ

               กฎหมายไม่มีบรรทัดฐานเป็นแนวทาง หากแต่กว้างขวางไม่มีขอบเขตสิ้นสุด นั่นคือเมื่อศาลรัฐธรรมนูญเริ่มยุบ
                                                                                                        50
               พรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองจ านวนมาก นี่คือ judicial activism


               44  Luis Roberto Barroso, ‘Countermajoritarian, Representative, and Enlightened: The Roles of Constitutional Courts in
               Democracies’ (2019) 67 The American Journal of Comparative Law 109, 112-114
               45  Id, 114-115.
               46  Id, 125-142.
               47   โปรดดู Dressel, Judicialization of Politics.
               48  Hirschl, Toward Juristocracy 167-168.
               49  Tom Ginsburg, ‘Constitutional Afterlife: The Continuing Impact of Thailand’s Postpolitical Constitution’ (2009) 7
               International Journal of Constitutional Law 83, 83-84.
               50  See Duncan McCargo, ‘Competing Notions of Judicialization in Thailand’ (2014) 36 Contemporary Southeast Asia 417;
               Duncan McCargo, ‘Readings on Thai Justice: A Review Essay’ (2015) 39 Asian Studies Review 23.


                                                                                                   ~ 20 ~
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28