Page 18 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 18

ค าถามดังกล่าวส าคัญมาก เพราะจะช่วยแยกระหว่างลัทธิอ านาจนิยม กับประชาธิปไตยแบบป้องกัน

               ตัวเองได้ออกจากกัน หาไม่แล้ว หากไม่อาจอธิบายได้ว่าแนวคิดเผด็จการอ านาจนิยมเลวร้ายกว่าแนวคิด
               การเมืองอื่นอย่างไร การยุบพรรค จ ากัดสิทธิ ย่อมไม่มีเหตุผล ขาดความชอบธรรม


                       Van de Bergh พยายามตอบค าถามนี้ผ่านค าอธิบายถึงลักษณะของประชาธิปไตยว่า สามารถแก้ไข
               ซ่อมแซมตัวเองได้เสมอ (self-correcting) ประชาธิปไตยด ารงอยู่ผ่านการเลือกตั้งเป็นระยะตามรอบที่

               รัฐธรรมนูญก าหนด เมื่อประชาชนเลือกตัวเลือกใดไป ประชาชนรับผลลัพธ์จากการเลือกของตัวเองและ
                                                                                                        22
               ตัดสินใจใหม่ได้เมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้ามาถึง ประชาชนจึงเป็นทั้งผู้มีส่วนได้เสียและผู้ตัดสินใจในคนเดียวกัน

                       เพราะฉะนั้น ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะเลือกอุดมการณ์การเมืองใดก็ได้ ตราบที่ยัง
               สามารถแก้ตัวได้อยู่ ตรงนี้เองที่ลัทธิเผด็จการอ านาจนิยมแตกต่างจากอุดมการณ์อื่น เมื่อใดที่ประชาชนเลือก

               เผด็จการอ านาจนิยมแล้ว เขาย่อมไม่อาจแก้ไขสิ่งที่ตนเองเลือกไปได้อีก เมื่อระบบการปกครองเปลี่ยนจาก
               ประชาธิปไตยไปเป็นเผด็จการแล้ว เผด็จการย่อมไม่คืนอ านาจให้ประชาชน เผด็จการเป็นผู้ตัดสินใจนโยบาย

               โดยไม่ต้องใส่ใจผู้มีส่วนได้เสีย Van de Bergh เห็นตรงกับ Loewenstein ว่า เพราะฉะนั้น พรรคการเมืองที่

                                                                   23
               เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยจึงไม่ควรได้รับอนุญาตให้ด ารงอยู่
                       นักกฎหมายรัฐธรรมนูญร่วมสมัยของ Loewenstein อีกคนที่เสนอแนวคิดคล้ายคลึงกัน คือ

               Carl Schmitt ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลไวมาร์ใช้อ านาจฉุกเฉินยุบพรรคนาซี และพรรคคอมมิวนิสม์ ซึ่ง Schmitt
               เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยลงเสีย แต่การกระท านั้น ขัดกับหลักการ equal chance หรือการให้

                                                                                    24
               โอกาสทุกความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญไวมาร์
                       Schmitt ให้เหตุผลสนับสนุนการละเมิดหลักการรัฐธรรมนูญเพื่อรักษารัฐธรรมนูญเองดังนี้ คือ

               เขาแยกระหว่างแก่นของรัฐธรรมนูญ (constitutional core) ซึ่ง Schmitt หมายถึงเนื้อหาสาระของการ
               ตัดสินใจดั้งเดิม (original decision) ซึ่งก าหนดทุกสิ่งทุกอย่างในหน่วยการเมืองนั้น ๆ กล่าวอย่างง่าย คือ

               Schmitt พูดถึงแก่นคิดหรือวิญญาณ หรืออัตลักษณ์ของระบอบรัฐธรรมนูญนั้น ๆ   Schmitt แ ย ก

               constitutional core นี้ออกจาก positive form ซึ่งหมายถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร Schmitt
               เห็นว่าในขณะนั้น  positive form คือ รัฐธรรมนูญไวมาร์ ขัดกับ constitutional core ของสาธารณรัฐเพราะ

               อนุญาตให้พรรคการเมืองที่เป็นศัตรูกับ constitutional core นั้นขึ้นสู่อ านาจได้ ตราบใดที่อ านาจฉุกเฉินถูกใช้ไป
               เพื่อรักษาแก่นหรือวิญาณของรัฐธรรมนูญ แม้จะขัดกับรัฐธรรมนูญเองก็ยังชอบธรรมอยู่
                                                                                      25

                       สงครามโลกครั้งที่สองเป็นโศกนาฏกรรมราคาแพงที่ชาวโลกต้องเรียนรู้ร่วมกันถึงความโหดร้ายของ
               อุดมการณ์นาซีและฟาสซิสม์ ซึ่งสังเวยชีวิตมนุษย์หลายสิบล้านคนไป ทั้งหมดนี้ยิ่งหนุนเสริมให้ข้อเสนอ

               ประชาธิปไตยป้องกันตนเองได้นั้นมีน้ าหนักยิ่งขึ้น หลังสงครามโลกที่สอง เยอรมนีตะวันตกบัญญัติหลักการ




               22  Cliteur & Rijpkema, The Foundation of Militant Democracy’ 243.
               23  Id, 244.
               24  Carlo Invernizzi Accetti & Ian Zuckerman, ‘What’s Wrong with Militant Democracy’ (2017) 65 Political Studies 182, 185.
               25  Id.


                                                                                                   ~ 15 ~
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23