Page 22 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 22
แน่นอนว่า ระหว่างตัวเลือกทั้งสอง ว่าประชาธิปไตยปล่อยให้ผู้ไม่พอใจได้ระบาย ได้แสดงออกถึงความ
คับข้องใจ อาจเป็นตัวเลือกที่ในทางทฤษฎีถูกต้องมากกว่า แต่ในความเป็นจริง การปล่อยปละละเลย
ไม่กวดขันอันตรายจากแนวคิดปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยก็ยังส าคัญ มิใช่ทุกสังคมมีสติเพียงพอที่จะรับฟัง
การรณรงค์ให้เกิดความวุ่นวาย ข่าวลวง หรือกระตุ้นความเกลียดชังแล้วจะสามารถใช้เหตุผลบอกตัวเองไม่ให้
หลงเชื่อได้ หลายครั้งการปล่อยปละจะกลายเป็นจุดอ่อนเริ่มต้นของการพังทลายของประชาธิปไตย
การยุบพรรคจึงเป็นความชั่วร้ายที่จ าเป็นของระบอบประชาธิปไตย
2.3 ตุลาการภิวัตน์
แนวคิดประการสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการยุบพรรคการเมือง คือ ปรากฏการณ์ตุลาการภิวัตน์
ดังที่ข้อถกเถียงข้างบนได้แสดงไว้ การจ าแนกว่าพฤติกรรม หรือความคิดใดที่ควรจะถูกห้ามแสดงออกนั้น
เป็นขั้นตอนที่ส าคัญมาก ดังนั้น จึงไม่ควรให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐธรรมดา แต่มอบหมายให้หน่วยงานที่มี
อ านาจหน้าที่เฉพาะเรื่องนี้ อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลสูงสุด เพราะฉะนั้น ตุลาการที่เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง
เป็นองค์ประกอบส าคัญในการใช้อ านาจรัฐยุบพรรคการเมืองนั้น ไม่เช่นนั้น หากตุลาการเป็นส่วนหนึ่งของ
ฝ่ายการเมืองหรือสมคบคิดกับฝ่ายการเมืองแล้ว การยุบพรรคการเมืองจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองไปทันที
เมื่อกล่าวถึงตุลาการภิวัตน์ ข้อควรระวังที่ส าคัญคือ ศัพท์ภาษาไทยค านี้อาจใช้สื่อถึงปรากฏการณ์สอง
อย่าง หนึ่งคือ judicialization of politics และสอง judicial activism ซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก จึงจ าเป็นต้อง
เข้าใจว่าผู้ที่พูดถึงตุลาการภิวัตน์ อยู่นั้นหมายถึงค าไหนกันแน่
ปรากฏการณ์ judicialization of politics มาพร้อมกับการปฏิวัติประชาธิปไตยคลื่นลูกที่สาม
ซึ่งการออกแบบรัฐธรรมนูญส าหรับประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่นั้น ผู้ร่างเห็นว่ากลไกการเมืองล าพัง
แล้วไม่เพียงพอต่อการระงับข้อพิพาทข้อขัดแย้งทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น หรือการพิทักษ์สิทธิเสรีภาพ
ประชาชน การชี้ขาดเรื่องหลักการพื้นฐานของระบอบใหม่ที่ก าลังจะก าเนิดขึ้น รัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านี้
จึงมักถูกออกแบบให้มีหน่วยงานอื่น ๆ นอกเหนือจากฝ่ายนิติบัญญัติและบริหารเข้ามาท าหน้าที่ตรงนี้ด้วย
43
จึงมอบหมายให้องค์กรตุลาการเข้ามาแทรกแซงการท างานของฝ่ายการเมืองได้
ในความหมายนี้ ตุลาการภิวัตน์ หมายถึงการมอบหมายให้องค์กรตุลาการมีเขตอ านาจเหนือข้อพิพาท
การเมืองบางอย่าง ในฐานะผู้ตัดสินคนสุดท้าย (final arbiter) อาทิ กรณีผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง
ขาดคุณสมบัติ กรณีองค์กรตามรัฐธรรมนูญขัดแย้งกันเรื่องขอบเขตอ านาจหน้าที่ หรือกรณีพรรคการเมือง
กระท าการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ความขัดแย้งเหล่านี้ ในประเทศที่ประชาธิปไตย
ลงหลักปักฐานมั่นคงแล้ว อาจสามารถแก้ไขได้ด้วยฝ่ายการเมืองเองเพียงล าพัง โดยอาศัยกฎกติกา
43 โปรดดู Ran Hirschl, Toward Juristocracy (Harvard University Press, 2007) chapter 6; Frank Vibert, The Rise of the
Unelected: Democracy and the New Separation of Powers (Cambridge University Press 2007). ดู Bjoern Dressel,
‘Judicialization of Politics or Politicization of the Judiciary? Considerations from Recent Events in Thailand’ (2010) 23 The
Pacific Review 671, 672.
~ 19 ~