Page 20 - รายงานฉบับสมบูรณ์
P. 20

ป้องกันตนเองเมื่อไหร่ หัวใจของค าถามนี้คือ ใครจะเป็นผู้ชี้ว่า ประชาธิปไตยควรจะกีดกันใครออกจาก

               ประชาคมของตน

                       ค าถามนี้จี้ไปที่ใจกลางของหลักประชาธิปไตยป้องกันตนเอง ซึ่งขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยทั่วไป

               ที่ต้องอดกลั้น และเปิดกว้าง เมื่อไหร่ ประชาธิปไตยจึงจะสามารถอ้างข้อยกเว้นมาจ ากัดสิทธิบุคคล หรือ
               พรรคการเมืองล่วงหน้าก่อนจะเกิดความเสียหายชัดเจนขึ้น


                       Alexander Kirshner เสนอว่า ประชาธิปไตยจะป้องกันตัวเองก็เมื่อบุคคลผู้ถูกกล่าวหานั้นละเมิดสิทธิ
               ของผู้อื่น และกลไกนี้ไม่ควรถูกน ามาใช้เพื่อสร้างระบอบการปกครองในอุดมคติ หากแต่ใช้เพื่อรักษา

               ประคับประคองระบอบปัจจุบันที่เป็นอยู่อย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่ Kirshner เสนอเช่นนี้เพื่อป้องกันการใช้
               การก าจัดความเห็นต่างอย่างเกินเลยขอบเขต แต่ในความเป็นจริง น้อยครั้งที่ทุกคนจะตกลงกันได้ว่าอะไรคือ

               สิทธิที่เป็นใจความของข้อพิพาทนั้น ต่างคนต่างฝ่ายต่างอ้างว่าสิทธิเสรีภาพของตนเองถูกละเมิดทั้งสิ้น
               ไม่ใช่ฝ่ายไหนถูกละเมิดอยู่ฝ่ายเดียว
                                            33

                       Rummens พยายามเสนออีกแนวคิด คือ ประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ (deliberative
               democracy) ข้อถกเถียงว่าควรยุบพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ควรได้ถูกถกเถียงผ่านกระบวนการประชาธิปไตย

               ก่อนจะตกผลึกว่าควรยุบหรือห้ามการใช้เสรีภาพทางการเมืองอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่า

               ขัดกันในตัวเอง เพราะประชาธิปไตยป้องกันตนเองนั้น ป้องกันตัวเองจากเสียงข้างมากที่หลงเชื่อกลุ่มหัวรุนแรง
                                                                                      34
               ดังนั้น การมอบให้เสียงข้างมากเป็นผู้ตัดสินใจจะยุบพรรคการเมืองใดจึงไม่น่าจะถูกต้อง

                       หากไม่ระมัดระวัง ผู้มีอ านาจอาจใช้กลไกป้องกันตัวเองเพื่อกลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมืองได้  ดังจะ
                                                                                                   35
               ปรากฏในบทต่อไปว่าการยุบพรรคการเมืองนั้น เกิดขึ้นทั้งในบริบทของการป้องกันตนเองและปิดปากฝ่ายค้าน

               ดังมีผู้สังเกตการณ์ว่า กลุ่มหัวรุนแรงต่อต้านประชาธิปไตยนั้นบ่อนท าลายประชาธิปไตยในสองแง่ แง่ที่หนึ่ง
               ผ่านสิ่งที่พวกเขาพยายามจะกระท าผ่านการสมัครรับเลือกตั้งและสอง ด้วยการกระตุ้นให้สังคมประชาธิปไตย

               ตอบสนองต่อภัยคุกคามนั้น ประชาธิปไตยอาจถูกท าลายได้เมื่อกลุ่มหัวรุนแรงต่อต้านประชาธิปไตยได้ครอง

               อ านาจการเมืองก็จริง แต่การที่รัฐใช้มาตรการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรับมือกับกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ก็ให้ผล
                                                                                                  36
               คล้ายกัน คือ ท าลายหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยและปูทางไปสู่อ านาจนิยมในอนาคต  ดังนั้น
               จึงจ าเป็นต้องมีมาตรฐานส าหรับการพิจารณาว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรคการเมืองได้อย่างไร ซึ่งดั่งที่ปรากฏ คือ
                                 37
               ไม่มีค าตอบที่แน่นอน

                       ข้อทักท้วงข้อที่สอง คือ ค าถามว่า มาตรการยุบพรรคการเมืองนั้นยังเป็นมาตรการที่ได้ผลในการธ ารง
               รักษาประชาธิปไตยหรือไม่ ในช่วงคศ. 1930 ยุโรปเผชิญหน้าภัยคุกคามประชาธิปไตยแบบใหม่ที่ไม่เคยเจอ

               ก่อนหน้านี้ ภัยคุกคามมาจากกลุ่มการเมืองที่ประสงค์จะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยด้วยวิถี


               33  Accetti & Zuckerman, ‘What’s Wrong with Militant Democracy’ 187-188.
               34  Id, 188.
               35  Anika Moroff, ‘Party Bans in Africa – an empirical review’ (2010) 17 Democratization 618.
               36  Issacharoff, ‘Fragile Democracies’ 1451-1452.
               37  Muller, ‘Militant Democracy’ 1267-1268; See Accetti & Zuckerman, What’s Wrong with Militant Democracy.


                                                                                                   ~ 17 ~
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25