Page 41 - 22353_Fulltext
P. 41
ทองหรือพวกมากลากไปนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ตลอดจน ส่งเสริมต่อ
คุณภาพชีวิตของประชาชนได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความคิดและมีความพยายามศึกษาแนวทางเพื่อส่งเสริมการ
เลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมและไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียงอยู่ไม่น้อย ผลจากการสำรวจวรรณกรรมที่
เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยสามารถแบ่งกลุ่มวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกเป็น
กลุ่มที่มองว่าการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะจะบั่นทอนคุณภาพประชาธิปไตย จึงได้
พยายามตีความการซื้อสิทธิขายเสียงและอธิบายการซื้อสิทธิขายเสียงในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้ง ศึกษาเงื่อนไข
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการซื้อสิทธิขายเสียงและหนทางแก้ไข ส่วนอีกกลุ่มจะมองว่าการซื้อสิทธิขายเสียงนั้นเป็น
เรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดาในการแข่งขัน ทว่าการซื้อสิทธิขายเสียงกลับมีความซับซ้อนและในความ
เป็นจริงการซื้อสิทธิขายเสียงอาจไม่ได้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้คนมากนักและมีปัจจัยอื่นๆเข้ามา
เกี่ยวข้องด้วย การอธิบายของนักวิชาการกลุ่มนี้มีข้อสรุปว่าการซื้อสิทธิขายเสียงนั้นถูกทำให้เป็นวาทกรรมเพื่อ
ลดทอนคุณค่าคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบทเป็นหลัก ซึ่งควรถูก
ทำความเข้าใจเสียใหม่ถึงความลึกซึ้งของเรื่องนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหาตรงจุดมากยิ่งขึ้น
สำหรับตัวอย่างงานวรรณกรรมกลุ่มแรกมีอาทิงานของ วิไลวัจส์ กฤษณะภูติ เรื่อง “แนวทางการ
ป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง ตามความคิดเห็นของประชาชน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
( 2557 หน้า 64-75) ซึ่งผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการซื้อสิทธิขายเสียงยังคงเกิดขึ้นในการเลือกตั้งในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยหัวคะแนนจะมีวิธีการซื้อคะแนนเสียงหลากหลายรูปแบบ อาทิ มอบเสื้อผ้า ของใช้
เงินทอง ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยมูลค่าอยู่ที่ประมาณคนละ 500 บาท ถึง 1,000 บาท และ 2,000
บาทในบางราย โดยอัตราค่างวดที่ให้นั้นสูงกว่าการเลือกตั้ง สส. และ สว. ระดับชาติเสียอีกโดยอาจใช้การแบ่ง
ให้หลายครั้ง นอกจากนั้นก็มีการเลี้ยงอาหาร แบ่งอาหารไปบริโภคกัน นำหัวคะแนนไปทัศนศึกษา จัดพาหนะ
รับ-ส่งผู้เลือกตั้ง ให้ความช่วยเหลือ ร่วมงานบวชงานแต่งต่างๆ สิ่งเหล่านี้จัดอยู่ในนิยามเรื่องการซื้อเสียงของ
งานวิจัยชิ้นนี้ทั้งสิ้น โดยงานชิ้นนี้เสนอว่าแนวทางป้องกันการซื้อเสียงจำเป็นต้องให้การศึกษาแก่ประชาชน
ตั้งแต่ระดับนักเรียนเป็นต้นไป ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และ
ต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง รวมไปถึงควรมีการออกกฎหมายลงโทษผู้ที่ขายเสียงรวมไปถึงผู้ซื้อเสียงให้หนัก
ยิ่งขึ้น
ในงานของผูู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร ในบทความเรื่อง “การทุจริตการเลือกตั้ง:
อุปสรรคการทำให้เป็นประชาธิปไตยของไทย” (2561. หน้า 1-17) ชี้ให้เห็นว่าการทุจริตการเลือกตั้งมี
ความสัมพันธ์กับปัญหาการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยมาโดยตลอด ประชาชนได้ตัวแทนที่ไม่พึงปรารถนา
ไม่เป็นประโยชน์ต่อระบบการเมือง โดยระบุว่าเหตุปัจจัยที่ทำให้การเมืองไทยยังวนเวียนอยู่กับปัญหาดังกล่าว
มี 3 ประการใหญ่ๆ คือ 1) วัฒนธรรมทางการเมืองแบบอำนาจนิยมภายใต้ระบบอุปถัมภ์ที่อิงอาศัยนโยบาย
ประชานิยม ซึ่งส่งผลหลายประการไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนทางการเมือง การยอม
40