Page 34 - 22353_Fulltext
P. 34

จัดการศึกษาเพื่อสร้างสำนึกพลเมืองอย่างยิ่งเพื่อสร้างให้เกิดความรู้ความเข้าใจสิทธิเสรีภาพร้อมกับทราบ

               บทบาทหน้าที่ของตน เรียนรู้ที่จะเคารพกฎหมายและเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นไปพร้อมกับปกป้องสิทธิ

               เสรีภาพของตนอย่างเหมาะสม เรียนรู้ที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวมและคำนึงถึงสาธารณะประโยชน์ เป็นต้น

                       William A. Galston (2004 , pp. 263 - 266) กล่าวถึงวิกฤติการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาว

               อเมริกันในวัยหนุ่มสาวไว้เช่นกันว่าคนหนุ่มสาวในปัจจุบันมีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยลง โดยเขาให้เหตุผลถึง

               ความผูกพันของพลเมืองที่ลดลงว่าเป็นเพราะพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของรัฐบาลทางนโยบายไม่มาก

               พอ ทำให้ไม่เข้าใจถึงความสำคัญในการกำหนดระดับสิทธิของรัฐบาล อีกทั้งยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท

               ของรัฐและของตนน้อยเกินไป เมื่อประกอบกับการที่คนกลุ่มนี้มีความมั่นใจในการพัฒนาเฉพาะตัวมากขึ้นจึงทำ

               ให้พวกเขามั่นใจในกลุ่มน้อยลง ไม่เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาธารณะซึ่ง

               พวกเขามองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวและควบคุมได้ยาก ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ในสังคมก็ล้มเหลวในการถ่ายทอด
               บรรทัดฐานของพลเมืองที่ใช้การได้ (workable civic norms) ให้แก่เยาวชนได้สามารถนำไปพัฒนาความรู้

               นิสัยและทักษะของพลเมือง (civic knowledge) ซึ่งเรื่องนี้ Galston มองว่ามีความสัมพันธ์อย่างยิ่งต่อการ

               ส่งเสริมการศึกษาสำหรับพลเมือง แม้จะมีหลายรัฐจะรับรองการศึกษาของพลเมืองในนโยบายของตน แต่มี

               เพียงครึ่งเดียวที่ระบุค่านิยมสำคัญของพลเมืองในหลักสูตรและน้อยกว่านั้นอีกที่พยายามอย่างจริงจังในการจัด

               หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองของตนให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ท้าทาย นั่นหมายถึงการส่งเสริมการศึกษา
               สำหรับพลเมืองของสหรัฐอเมริกาควรดำเนินการอย่างจริงจังมากกว่านี้ เพื่อสนับสนุนต่อค่านิยมประชาธิปไตย

               การมีส่วนร่วมและสร้างให้พลเมืองตระหนักถึงบทบาทของตนที่พึงมีต่อสาธารณะ


                       อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองผู้ที่มีความตระหนักรู้ในสิทธิเสรีภาพ

               และมีส่วนร่วมจัดการปัญหาของสังคมได้อย่างเหมาะสมนั้น นักวิชาการด้านการศึกษาต่างเห็นพ้องกันว่า

               การศึกษาในห้องเรียนนั้นไม่เพียงพอที่จะส่งเสริมการศึกษาสำหรับพลเมืองที่มีความกระตือรือร้นเป็นกำลัง

               ให้แก่บ้านเมืองได้ หลายฝ่ายจึงเสนอให้มีการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติด้วย ทว่าในความเป็นจริง
               สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงมือปฏิบัติก็มีความสำคัญต่อการลงมือปฏิบัติได้ตามทฤษฎี อีกทั้งยังส่งผลต่อ

               ความต่อเนื่องของการมีส่วนร่วมของผู้คนในสังคม ดังนั้น การส่งเสริมการศึกษาสำหรับพลเมืองที่มี

               ประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องดำเนินการไปพร้อมกันกับการสร้างสภาพแวดล้อม (environment) ที่เหมาะสมใน

               การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจในทางปฏิบัติพร้อมกับลดความสับสนของผู้เรียนไปพร้อมกัน

               ดังที่ Lev Vygotsky (2007) เสนอไว้ว่าการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมความเป็น
               จริงนั้นจะส่งเสริมต่อการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น แต่หากสิ่งที่เรียนรู้ในชั้นเรียนแตกต่างออกไปจากสภาพแวดล้อม

               ความเป็นจริง ผู้เรียนจะไม่สามารถเรียนรู้อย่างถูกต้องได้ เนื่องจากผู้เรียนเกิดความสับสนระหว่างสิ่งที่มีการ

               เรียนการสอนในชั้นเรียนกับสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อความไม่ไว้วางใจในการแสดงออก

               ยังส่งผลต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองให้เกิดสภาวะถดถอยอีกด้วย



                                                                                                       33
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39