Page 22 - 22353_Fulltext
P. 22
ในแง่นี้การสานเสวนาหาทางออกจึงมีลักษณะที่สอดคล้องกับหลักการของประชาธิปไตยแบบ
ปรึกษาหารืออย่างมาก ทำให้นักวิชาการบางคน อย่าง ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ และ พัชรี สิโรรส เรียก
กระบวนการประชาธิปไตยแบบนี้ว่าเป็นประชาธิปไตยแบบสานเสวนาหาทางออก ในบทความเรื่อง
ประชาธิปไตยแบบสานเสวนา ความเชื่อ ความฝันและความเป็นไปได้ในสังคมไทย ของ พัชรี สิโรรส (2552)
ระบุว่าประชาธิปไตยแบบสานเสวนามีหลักการสำคัญอยู่ 2 ประการคือ 1) หลักการใช้เหตุผล (reasoning) ใน
การเจรจาต่อรองระหว่างกลุ่มต่างๆ และ 2) หลักการกระทำที่เปิดเผยเป็นสาธารณะ (public act) หมายถึง
กระบวนการเจรจากันด้วยเหตุผลนั้นจะต้องดำนินการอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ ต่างไปจากการลงคะแนน
เสียงซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคลและกระทำในที่ลับ นอกจากหลักการข้างต้นแล้วยังมีองค์ประกอบสำคัญที่จะนำให้
สังคมไปสู่ประชาธิปไตยแบบสานเสวนาหาทางออก ซึ่งประกอบด้วย การมีส่วนร่วมของพลเมืองที่มีความเป็น
ตัวแทนกรณีเป็นสาธารณะชนขนาดใหญ่ การส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง กล่าวคือทำให้
ประเด็นนั้นได้รับความสนใจจากสาธารณะชนในวงกว้าง ประชาชนมีโอกาสในการปรึกษาหารือและมีข้อมูลมี
การใช้เหตุผลประกอบการวินิจฉัยอย่างรอบด้านเพื่อกำหนดทางเลือกที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงเลือกนำแนวคิดการสานเสวนาหาทางออก (deliberation) หรือบางแห่งเรียกว่า
ประชาเสวนา (citizen dialogue) มาอธิบายถึงรายละเอียดในส่วนถัดไป เพื่อชี้ให้เห็นกระบวนการสำคัญๆ
และขั้นตอนต่างๆของการสานเสวนาหาทางออก เพื่อประโยชน์ในการนำมาปรับใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการ
เลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงและส่งเสริมประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือต่อไป
แนวคิดเรื่องการสานเสวนาหาทางออก (deliberation)
การสานเสวนาหาทางออก (deliberation) เป็นแนวคิดที่เก่าแก่และมีการปฏิบัติกันมาเป็นเวลานาน
ที่เน้นให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ ผ่านการประชุมปรึกษาหารือสาธารณะ
ซึ่งวิธีการเช่นนี้ใช้กันมากในแถบอเมริกาเหนือและประเทศแคนาดา โดยเป้าหมายของการสานเสวนานั้นมุ่ง
สร้างความเข้าใจและการยอมรับระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย การสานเสวนาไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง
ความเชื่อแต่มุ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้เกี่ยวข้องได้อภิปรายกันอย่างจริงจังด้วยเหตุและผลเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่าย
ยอมรับร่วมกันได้ ดังนั้น ในการสานเสวนาจึงไม่ได้มีเป้าหมายที่ถูกจำกัดหรือมีธงใดๆไว้ อีกทั้งข้อเสนอทุกอย่าง
สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมและตามที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน (ศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ 2555,
หน้า 8-33)
ในประเทศไทยกระบวนการสานเสวนาหาทางออกถูกนำมาใช้เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฎชัด
ทว่าในปี 2545 สถาบันพระปกเกล้า โดยศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาล ได้ผลักดันให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
และสมาชิกวุฒิสภาของประเทศไทย ได้เข้าศึกษาดูงานกระบวนการกำหนดนโยบายของรัฐสภาประเทศ
แคนาดาและเมืองวินนิเป็ก (Winnipeg) ซึ่งเป็นกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมโดยการ
21